แซมซั่น กระทิงแดงยิม มีชื่อจริงว่า
สมบุญ พานตะสี (
ชื่อเล่น: จ่อย) เกิดเมื่อวันที่
11 กรกฎาคม พ.ศ. 2515 ที่
อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ดแซมซั่นเคยเป็นนักมวยไทยชื่อดัง ค่าตัวเงินแสน ในชื่อ
แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ โดยเป็นมวยที่เดินหน้าชกบุกตะลุยตลอด ไม่มีถอยหลัง เป็นที่ถูกใจของแฟนมวยเป็นอย่างมาก โดยชื่อ "แซมซั่น" นั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่ชื่อ แต่เป็นฉายา โดยแฟนมวยตั้งให้สอดคล้องกับ "แรมโบ้"
พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี ซึ่งเป็นนักมวยที่ชกในรูปแบบเดียวกัน ที่ขณะนั้นอยู่ในช่วงปลายชีวิตของการชกมวยแล้ว การชกมวยไทยของแซมซั่นนั้น เคยผลัดกันแพ้-ชนะกับ
วีระพล สหพรหม ด้วยการน็อกเพียงกันแค่ยกที่ 2 ทั้ง 2 ครั้ง
[1], ได้ครองแชมป์แบนตั้มเวต
เวทีลุมพินี, ชนะ
หลักหิน วสันตสิทธิ์ ได้ครองแชมป์จูเนียร์แบนตั้มเวต
เวทีราชดำเนิน, ชกกับ
แสนไกร ศิษย์ครูอ๊อด มากถึง 13 ครั้ง ตั้งแต่ทั้งคู่ยังชกกันอยู่ในเวทีมวยในต่างจังหวัดจนกระทั่งมาถึงกรุงเทพมหานคร แซมซั่นเป็นฝ่ายชนะไปได้ 6 ครั้ง และแพ้ 7 ครั้ง
[2]ในปี
พ.ศ. 2537 ทาง "เสี่ยเน้า"
วิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ผู้จัดการให้เบนเข็มมาชก
มวยสากลอาชีพ และให้ใช้ชื่อว่าแซมซั่นไปเลยตามความคุ้นเคย เพียงแค่ 4 ครั้งเท่านั้น แซมซั่นก็ได้แชมป์โลกในรุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวทของ
สหพันธ์มวยโลก (WBF) โดยชนะน็อกยก 3 นักมวยชาว
ออสเตรเลียไปอย่างง่ายดาย แม้จะเป็นเพียงแชมป์ของสถาบันที่ไม่มีได้รับการยอมรับมากเท่าไหร่ แต่แซมซั่นก็ได้สร้างประวัติศาสตร์หลายอย่างให้เกิดขึ้นกับวงการมวยไทยและวงการมวยโลก โดยสามารถป้องกันตำแหน่งไว้ได้ถึง 38 ครั้ง มากกว่านักมวยคนใด ๆ ในโลก ได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายจากหลายหน่วยงานในประเทศไทย นับเป็นนักมวยที่ขึ้นป้องกันตำแหน่งเดือนต่อเดือน ในแบบที่ไม่มีนักมวยคนใดทำมาก่อน แม้จะเป็นการชกในเมืองไทยเท่านั้น แต่ก็มีบรรดาผู้ให้การสนับสนุนมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
นักการเมืองท้องถิ่นหรือนักการเมืองระดับประเทศก็ตาม หรือสินค้าประเภทต่าง ๆ อย่างชนิดที่นักมวยแชมป์โลกชาวไทยในสถาบันที่มีมาตรฐานกว่ายังไม่อาจจะทำได้ และเป็นนักมวยคนหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟนมวย ในการชกแต่ละครั้งจะมีผู้ชมจำนวนมากโดยในระหว่างนี้ แซมซั่นได้มีโอกาสแสดง
ภาพยนตร์ด้วยเรื่องหนึ่ง เป็นภาพยนตร์ทุนต่ำ ถ่ายทำเพียง 3 วันเสร็จ เป็นชีวประวัติของแซมซั่นเอง ชื่อ "แซมซั่น เลือดอีสาน"
[3] ซึ่งไม่มีการฉายใน
โรงภาพยนตร์ทั่วไป แต่ออกฉายเป็นหนังเร่ใน
ภาคอีสาน และออกเป็น
วิดีโอในภายหลังแม้จะประสบอุบัติเหตุทาง
รถยนต์ในปี
พ.ศ. 2541 ต้องผ่าตัด
ชายโครงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการชกมวยของแซมซั่นเลย แซมซั่นยังคงเดินหน้าทำสถิติการชกต่อไปแซมซั่น แขวนนวมในปี
พ.ศ. 2544 หลังการแขวนนวม แซมซั่นมีทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 20 ล้าน ซึ่งได้มาจากการชกมวยอย่างเดียว มีบ้านราคาเป็นล้านที่กรุงเทพฯ มีรถยนต์ราคาแพงขับ และยังมีกิจการ
ร้านอาหารที่ จังหวัดร้อยเอ็ด บ้านเกิดอีกด้วยชีวิตส่วนตัว แซมซั่น สมรสกับ ชารีฟดา พานตะสี ภรรยาซึ่งรับราชการเป็น
ตำรวจหญิง มีธิดา 1 คนในปลายปี
พ.ศ. 2547 ในโอกาสครบ 48 ปี ของสนามมวยเวทีลุมพินี แซมซั่น ได้ชกโชว์ในแบบมวยไทยกับ "แรมโบ้" พงษ์ศิริ พ.ร่วมฤดี นักมวยต้นแบบของตนด้วย ซึ่งเรียกเสียงปรบมือฮือฮาอย่างมากจากแฟนมวยที่เข้าชมในช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. 2560 มีกระแสข่าวว่าแซมซั่นเตรียมจะขึ้นชกมวยไทยกับ
วีระพล สหพรหม อดีตนักมวยไทยชื่อดังและอดีตแชมป์โลกรุ่นแบนตั้มเวทสองสถาบัน (
WBA และ
WBC) โดยเป็นการชกแบบจริงจัง เน้นผลแพ้ชนะ ซึ่งนาย
ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์ศึกเพชรยินดี ได้ประกาศว่า มวยคู่นี้จะขึ้นชกกันในวันที่
27 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ในรายการศึกเพชรยินดี ที่
เวทีราชดำเนิน [4]ผลการชกเป็น
แสนเมืองน้อย ลูกเจ้าพ่อมเหศักดิ์ เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปอย่างขาดลอย โดยไม่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์แต่อย่างใด