† ลงเล่น (ประตู)
แดร์เรน แอชลีย์ เบนต์ (
อังกฤษ: Darren Ashley Bent, เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1984) เป็นอดีต
นักฟุตบอลชาวอังกฤษเชื้อสาย
จาเมกา ตำแหน่ง
กองหน้า โดยเล่นในระดับ
พรีเมียร์ลีกให้กับ 9 สโมสร และติด
ทีมชาติอังกฤษระหว่างปี ค.ศ. 2006–2011 ในยุคของ
สเวน-เยอราน เอริกซอน, สตีฟ แม็คคลาเรน และ
ฟาบีโอ กาเปลโล นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิงประตูในพรีเมียร์ลีกมากเกินกว่า 100 ประตูเบนต์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชนกับสโมสรฟุตบอลก็อดแมนเชสเตอร์ โรเวอส์ ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลระดับสมัครเล่นใน
เคมบริดจ์เชอร์และถูกค้นพบโดยแมวมองของ
อิปสวิช ทาวน์ ก่อนจะเข้ามาอยู่ในทีมเยาวชนของสโมสรในปี ค.ศ. 1998 หลังจากนั้นเขาได้รับโอกาสลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ของอิปสวิช ทาวน์ เป็นครั้งแรกด้วยอายุเพียง 17 ปี ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2001–2002 แม้ในฤดูกาลดังกล่าวสโมสรจะตกชั้นแต่หลังจากนั้นเขาก็ได้กลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของสโมสรใน
อีเอฟแอลแชมเปียนชิป โดยลงสนามในลีกให้กับอิปสวิช ทาวน์รวม 122 นัด และยิงในลีกได้ 48 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2005–06
ชาร์ลตัน แอธเลติก ได้ซื้อตัวเขามาร่วมทีมด้วยราคา 2.5 ล้านปอนด์ ทำให้เขาได้เล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง ก่อนจะสร้างผลงานเป็นผู้ยิงประตูสูงสุดของสโมสรถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเขาทำให้
สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ซื้อตัวเขาไปร่วมทีมในปี ค.ศ. 2007 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติถึง 16.5 ล้านปอนด์ โดยในฤดูกาลแรกเขาไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนักโดยตกเป็นตัวสำรองของ
ดีมีตาร์ เบร์บาตอฟและ
ร็อบบี คีน ต่อมาในฤดูกาล 2008–09 เมื่อเบร์บาตอฟและคีน ย้ายออกจากทีมไปทำให้เขาได้เล่นเป็นกองหน้าตัวจริงของทีมคู่กับ
โรมัน ปัฟลูย์เชนโค โดยเขายิงประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2008–09 ได้ 12 ประตู แต่การย้ายกลับมาร่วมทีมอีกครั้งของร็อบบี คีน หลังย้ายออกไปแค่ 6 เดือน ทำให้แดร์เรน เบนต์ ต้องกลับมาแย่งตำแหน่งตัวจริงภายในทีมอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นผู้ยิงประตูสูงสุดของทีมในฤดูกาลนั้นก็ตามฤดูกาล 2009–10 เบนต์ย้ายมาร่วมทีม
ซันเดอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ
สตีฟ บรูซและแสดงผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการยิงประตูในพรีเมียร์ลีกถึง 24 ประตู โดยเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมรวมถึงเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลดังกล่าวรองจาก
ดีดีเย ดร็อกบา และ
เวย์น รูนีย์ และจากผลงานการยิงประตูของเขาทำให้
เฌราร์ อูลีเย ตัดสินใจซื้อตัวเขามาร่วมทีม
แอสตัน วิลลา ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสรที่ 18 ล้านปอนด์โดยอาจเพิ่มถึง 24 ล้านปอนด์ตามผลงานของเขา
[3] โดยแม้เขาจะย้ายมายังแอสตัน วิลลา ในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2010–11 แต่ก็สามารถยิงประตูให้ทีมได้ 9 ประตู และเป็นผู้ทำประตูสูงสุดของทีมร่วมกับ
แอชลีย์ ยัง รวมทั้งเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับที่ 4 ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2010–11 ที่จำนวน 17 ประตู (8 ประตู ยิงให้ซันเดอร์แลนด์ช่วงครึ่งฤดูกาลแรก) ในฤดูกาลต่อมาแม้ว่าเขาจะยิงประตูที่ 100 ในพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ และยังคงเป็นผู้เล่นที่ยิงประตูได้มากที่สุดของทีมในฤดูกาลนั้น แต่กลับต้องประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักจากการเข้าสกัดบอลของ
อันโตลิน อัลการัซ กองหลังของ
วีแกน แอธเลติก จนเอ็นข้อเท้าฉีก
[4] หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บกลับมาได้ในฤดูกาล 2012–13 เขาต้องตกเป็นตัวเลือกลำดับที่ 4 ในตำแหน่งกองหน้าต่อจาก
คริสตีย็อง แบนเตเก,
กาเบรียล อักบอนลาฮอร์และ
อันเดรอัส ไวมัน ทำให้เขาต้องย้ายไปเล่นให้กับทีมอื่นด้วยสัญญายืมตัวโดยเขาย้ายไปเล่นให้กับ
ฟูลัม ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2013–14 แต่ก็ไม่อาจเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ โดยยิงในลีกได้เพียงแค่ 3 ประตูตลอดฤดูกาล ต่อมาในฤดูกาล 2014–15 เขาย้ายไปเล่นด้วยสัญญายืมตัวอีกครั้งกับ
ไบรตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียนและ
ดาร์บี เคาน์ตีใน
อีเอฟแอลแชมเปียนชิป ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกจากสโมสรแอสตัน วิลลาในที่สุด
[5]หลังหมดสัญญากับแอสตัน วิลลา เบนต์ย้ายมาร่วมทีมดาร์บี เคาน์ตี แบบไม่มีค่าตัว ก่อนจะประสบปัญหาอาการบาดเจ็บอีกครั้ง โดยในฤดูกาล 2017–18 เบนต์ได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขา จนไม่ได้ลงสนามให้กับทีมและหลังจากที่เข้ารับการรักษาเขาได้ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวให้กับ
เบอร์ตัน อัลเบียน และหมดสัญญากับดาร์บีหลังจบฤดูกาลแดร์เรน เบนต์ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในปี ค.ศ. 2019
[6]