เนื้อเรื่อง ของ แบทเทิลเรลส์

อารัมภบทกาลครั้งหนึ่ง เนิ่นนานก่อนสมัยบรรพบุรุษของพวกเราทั้งหลาย ดินแดนยังคงเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกันดินแดนที่ชุ่มชื่นไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ดินแดนแห่งเนินเขาและแมกไม้เก่าแก่ มากมายไปด้วยผู้คนที่สวยงามแปลกตา บางคนเดินทางมาโดยเรือจากดินแดนไกลโพ้นและตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ที่นี่บางคนสืบเชื้อสายมาจากชนชาวเขาที่สืบสายจากบรรพบุรุษอันมีประวัติที่ยาวนาน สงครามยังไม่เป็นที่รู้จัก มีแต่ความสงบปกแผ่ไปทั่ว ความสงบแห่งพลังและความอุดมสมบูรณ์

ครั้งนั้นไม่มีที่ใดที่จะรุ่งโรจน์ได้เทียบเท่ากับดรากอนโฮล์ม (Dragonholm) ดินแดนที่เผ่ามังกร (Dragon Clan) อยู่กัน เหล่าปฏิมากรที่ถูกลืมเลือนได้เคยสลักเสลาบันดาลให้กำแพงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างเฉลียวฉลาด และสวยงามถึงขนาดชาวบ้านเชื่อกันว่ามันมีชีวิตจริง โชกุนที่ถูกลืมเลือนได้ตรากฎหมายที่ทั้งเข้มงวดและยุติธรรม เหล่าปรมาจารย์ที่ถูกลืมเลือนได้ฝึกฝนนักรบให้ชำนาญกลยุทธ์การต่อสู้ที่ลึกซึ้งและดุเดือด แม้แต่ปราชญ์ที่ฉลาดที่สุดยังเขียนเรื่องราวเอาไว้บนแผ่นหนังบุทอง เล่าขานถึงตำนานความเข้มแข็งและเกียรติศักดิ์ของพวกมังกรว่าจะอยู่ตราบชั่วกาลนาน......

.....และแล้ว เพียงชั่วข้ามปี - เพียงผ่านฤดูหว่านหนึ่งครั้ง ฤดูเก็บเกี่ยวหนึ่งครั้ง ฤดูหนาวหนึ่งครั้ง - ทุกอย่างก็มลายสูญสิ้น

ไม่มีใครรู้ว่าพวกมันเป็นใคร เป็นปิศาจ หรือวิญญาณหรือสัตว์ประหลาด แม้ในตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้ มันเป็นพวกอนารยชนหรือพวกฮอร์ด (The Horde) ดำทะมึน ป่าเถื่อน พวกมันมากันเป็นพันเป็นหมื่นจากดินแดนไกลโพ้น เลยออกไปจากเขตแดนทางเหนือ ดินแดนลี้ลับบนขุนเขา

ไม่ว่าพวกมันผ่านไปที่ใด ที่นั่นจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดรอดไปได้ แม้กระทั่งต้นไม้ยังเหี่ยวแห้งและตาย ไม่เหลือแม้กระทั่งซากศพให้ได้ฝัง

ทาร์แรนท์ผู้บิดา ( Tarrant the Elder) เป็นผู้ปกครองดรากอนโฮล์มในสมัยนั้น และถือได้ว่าเป็นผู้กล้าคนหนึ่ง ทันทีที่ทราบเรื่องการคุกคามของพวกฮอร์ด ซามูไรที่หาญกล้าที่สุดของเขาก็รีบรุดออกไปโดยทันทีตั้งแต่ฟ้าสางเพื่อต่อสู้กับพวกมัน วีรบุรุษผู้กล้านับร้อยภายใต้ธงมังกรนับร้อยที่โบกสะบัด เป็นเวลาถึงสองอาทิตย์ นักรบคนแรกและเพียงคนเดียวได้กลับมาในสภาพสะบักสะบอมบนอานม้าของเขา คราบเลือดสีดำเกรอะกรังแข็งติดอยู่บนแผลฉกรรจ์ เนื้อขาดวิ่นไม่รู้กี่สิบแห่ง เขาตายซะแล้ว อย่างไรก็ตาม ม้าของเขาตะบึงห้อได้รวดเร็วพอที่จะหลบหลีกชะตากรรมของเจ้านายมันมาได้ ทาร์แรนท์ทราบในบัดดลว่าชาวมังกรทั้งหลายมีความหวังในการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ด้วยวิธีเดียวกันเช่นนี้เอง

อาทิตย์ต่อมา กำแพงแห่งดรากอนโฮล์ม กำแพงที่ไม่เคยทลายจากการรุกแม้แต่ครั้งเดียว ได้ถูกละทิ้งไป และชนชาวมังกรก็เริ่มออกเดินทางอันยาวไกลไปทางทิศใต้ หลายเดือนแห่งการเดินทางอันไม่หยุดหย่อนผ่านไป ขบวนม้าอันยิ่งใหญ่ เกวียนและผู้คนกลายเป็นผู้ลี้ภัยไปโดยปริยาย ผู้คนที่ตระหนักดีว่าชาวมังกรนั้นจะไม่หนีฝ่ายตรงข้ามแน่หากพวกเขาสามารถปราบฝ่ายปรปักษ์ได้ หลายคนที่ตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อปกป้องดินแดน พวกเขาจะได้รับเกียรติยศ ถึงแม้จะไม่มีใครได้ข่าวคราวจากพวกเขาอีกเลย หน่วยสอดแนมที่ถูกส่งไปทางเหนือ ไม่เคยมีใครหวนกลับมาอีกเลย และชาวมังกรก็ยังคงเดินทางมุ่งใต้ต่อไปเรื่อย ๆ

เมื่อสิ้นสุดเดือนที่หก ข้ามสันเขาลูกสุดท้าย พวกเขาก็พบกับมหาสมุทร สิ้นสุดแผ่นดินที่พวกเขาจะหนีต่อไปได้

แน่นอน ทาร์แรนท์ผู้บิดาย่อมคาดการณ์นี้ไว้แล้ว เขาได้ให้ปราชญ์ของเขาเตรียมอุบายสำหรับการหนีครั้งนี้เอาไว้ และระหว่างการเดินทางอันยาวไกลนั้น พวกเขาได้มีเวลามากมายในการถกเถียงและปรึกษาหารือกัน ขาดเสียแต่เวลาที่จะสร้างเรือและที่หลบซ่อน กองทัพส่วนสำคัญแห่งมังกรก็ได้ถูกทำลายย่อยยับไปในครั้งแรกที่ต่อสู้กับพวกอนารยชนซะแล้ว ความหวังสุดท้ายของทาร์แรนท์จึงอยู่ที่หีบขลิบเงินซึ่งวางล็อกอยู่ภายในเกวียนของเขาใบนี้เท่านั้น : ลูกแก้วอสรพิษ (The Serpent Orb) สมบัติเก่าแก่ล้ำค่าที่สุดของชาวมังกร รวมทั้งเป็นสัญลักษณ์การเป็นผู้นำของเขาด้วย เล่าขานกันว่าลูกแก้วนี้สามารถเรียกวิญญาณแห่งมังกรได้หากความต้องการนั้นยิ่งใหญ่และมีความมุ่งมั้นมากพอ บางคนก็เชื่อเรื่องนี้ แต่ความต้องการนั้นใหญ่หลวงจริง ในขณะที่ผู้คนที่อิดโรยของเขากำลังตั้งรับมือกับพวกอนารยชนอยู่นั้น ทาร์แรนท์ได้ยกความเป็นผู้นำให้แก่ลูกชายของเขา คือทาร์แรนท์ผู้เป็นบุตร (Tarant the Younger) หลังจากนั้นเขาก็อยู่ตามลำพังเพียงผู้เดียว - เพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และพร้อมที่จะสละชีวิต

ตราบจนวาระสุดท้ายของเขา ไม่มีผู้ใดได้เป็นประจักษ์พยาน เรารู้แต่เพียงว่าเขาประสบความสำเร็จ ผู้ลี้ภัยทั้งหลายที่รวมตัวกันได้ยินเสียงลั่นเปรี้ยงของความโกรธาแห่งมังกรดุจดั่งกำแพงอากาศที่บดขยี้ผู้คน ม้าและเกวียนให้แหลกไปกับพื้น ทั่วทุกหัวระแหง ดินแดนเหมือนกับบิดเบี้ยวไปด้วยความปวดร้าวทรมาน หลาย ๆ คนที่รอดพ้นมาจากการเดินทางอันแสนทรหดและยาวไกลถูกบดขยี้อยู่ภายใต้หินที่เป็นชั้นลดหลั่นกันลงมา หรือไม่ก็โดนธรณีสูบหายไป ที่เหลือรีบลุกลนเข้ากอดกันและสวดมนต์เพื่อขอให้รอดพ้น

เมื่อแผ่นดินไหวทุเลาลง ผู้รอดชีวิตจากความกริ้วโกรธาของมังกรต่างตัวสั่นงันงกไปด้วยความกลัว ทาร์แรนท์หนุ่มรวบรวมความกล้าของเขาทั้งหมด เริ่มจัดการก่อสร้างที่กำบังพักพิงจากเศษวัสดุที่ยังคงเหลืออยู่น้อยนิดขึ้นมา หากพวกอนารยชนหรือฮอร์ดเดินทางมาพบเข้าตอนนี้ล่ะก็ พวกเขาคงจะหมดหนทางต่อสู้เป็นแน่ แต่พวกมันก็ไม่เคยปรากฏตัวขึ้นอีกเลย

ตอนนั้นเองทาร์แรนท์ได้สำรวจผู้คนที่ยังเหลืออยู่อย่างกระจัดกระจายและพบว่าพวกเขาหาใช่ชาวมังกรอีกต่อไปไม่ หากแต่เป็นอะไรบางอย่างในสายตาของเด็กไร้เดียงสาที่สูญเสียบ้านของตนให้กับปิศาจ เป็นอะไรบางอย่างในความคิดของนักรบที่ทราบว่าเพื่อนร่วมชาติที่กล้าหาญที่สุดของตนนั้นหาได้วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน หากได้ต่อสู้และสละชีพในสนามรบ พวกเขากลายเป็นทรัพย์ของดินมิใช่สรวงสวรรค์ กระนั้นพวกเขายังคงเข้มแข็งดุดันและมุ่งหน้าทำงานอย่างหนักด้วยความภาคภูมิใจเพื่อดินแดนแห่งใหม่ของเขา และจากความต่ำต้อยในครั้งนี้ผนวกกับความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ จึงกำเนิดเผ่าอสรพิษ (Serpent Clan) ขึ้น เผ่าของเรา

ณ วันนี้ หากท่านเดินทางเลยขุนเขาต่าง ๆ ไกลขึ้นไปทางเหนือ ท่านจะไปถึงหน้าผาอันขรุขระมองลงไปเห็นช่องแคบอุบาทว์อันเต็มไปด้วยหินและซากปรักหักพังทับถมกันอยู่ ในวันที่อากาศแจ่มใส ท่านก็อาจเห็นรอบนอกของฝั่งตรงข้ามอย่างเลือนลางดั่งมีม่านหมอกปกคลุม ความโกรธาของมังกรได้พังทลายดินแดนนั้นรวมทั้งคนของเราด้วย และบ้านของบรรพบุรุษของเราก็ถูกทิ้งให้อยู่ฟากข้างโน้นของน้ำที่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้ ไม่มีผู้ใดตอบได้ว่าพวกอนารยชน หรือพวกฮอร์ดยังคงรออยู่บนฝั่งด้านนั้นหรือไม่

เราคิดถึงเรื่องนี้น้อยลง ๆ ทุกที เพราะตอนนี้ที่นี่คือบ้านของเรา

ใกล้เคียง

แบทเทิลฟีเวอร์ เจ แบทเทิลออฟเดอะเยียร์ แบทเทิลชิป ยุทธการเรือรบพิฆาตเอเลี่ยน แบทเทิลสเตเดียม ดี. โอ. เอ็น. แบทเทิลเน็ตเวิร์ค ร็อคแมนเอ็กเซ่ 2 แบทเทิลเรลส์ แบทเทิลกราวด์ (2015) แบทเทิลเน็ตเวิร์ค ร็อคแมนเอ็กเซ่ 3 แบทเทิลกราวด์ (2014) แบทเทิลกราวด์ (2013)