ประวัติ ของ แมนนี_ปาเกียว

แมนนี ปาเกียว เกิดวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2521 ที่เมืองบูคิดโนน ประเทศฟิลิปปินส์ มีชื่อเต็มว่า เอ็มมานูเอล ดาปิดราน ปาเกียว (Emmanuel Dapidran Pacquiao) ในครอบครัวที่ยากจนมากที่เมืองบูคิดนอน ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ โดยเป็นลูกชายคนที่ 2 ในบรรดาลูก ๆ ทั้งหมด 4 คน ของ โรซาลิโอ และ ดิโอนิเซีย ปาเกียว ทั้งคู่แยกทางกันตั้งแต่ปาเกียวยังเล็ก ๆ ปาเกียวขึ้นชกมวยด้วยความยากจน ขึ้นชกมวยสากลอาชีพครั้งแรกเมื่อต้นปี พ.ศ. 2538 ที่กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ได้ค่าตัวครั้งแรก 100 เปโซ โดยส่งเงินมาช่วยเหลือครอบครัวตลอด[1]

แมนนี ปาเกียว ถือเป็นนักมวยฟิลิปปินส์ที่ไม่เหมือนกับนักมวยฟิลิปปินส์รายอื่น ๆ ด้วยเป็นมวยทรหด หมัดหนักทั้งซ้ายและขวา จิตใจห้าวหาญไม่กลัวใคร และสภาพร่างกายแข็งแกร่ง โดยปาเกียวสามารถเอาชนะนักมวยไทยที่มีฝีมือเก่งกาจได้ถึง 2 คน คือ โชคชัย โชควิวัฒน์ และ ฉัตรชัย สาสะกุล โดยเฉพาะฉัตรชัย เป็นการเอาชนะน็อกไปโดยไม่มีใครคาดคิดมาก่อนด้วย ในประเทศไทย และยังเป็นผู้แย่งตำแหน่งแชมป์โลกในรุ่นฟลายเวทไปจากฉัตรชัย ถือเป็นแชมป์โลกครั้งแรกของปาเกียว อย่างไรก็ตาม ปาเกียวก็เสียตำแหน่งแชมป์ดังกล่าวคืนให้กับนักมวยชาวไทย ด้วยการแพ้น็อก เม็ดเงิน กระทิงแดงยิม ไปเพียงยกที่ 3 ซึ่งเป็นการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 2 ของปาเกียว โดยก่อนการชกปาเกียวมีปัญหาเรื่องการลดน้ำหนักตัวอย่างมาก จนทำให้ต้องเสียตำแหน่งไปเมื่อไม่สามารถทำน้ำหนักให้อยู่ในพิกัดได้[2] ซึ่งเม็ดเงินถือเป็นนักมวยเพียง 1 ใน 5 คนที่สามารถเอาชนะปาเกียวได้ และเป็นเพียง 1 ใน 3 คนเท่านั้นที่สามารถน็อคปาเกียวลงได้

หลังจากนั้นปาเกียวก็ได้เดินทางไปชกมวยและใช้ชีวิตในสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะมีชื่อเสียงในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน

ปัจจุบัน แมนนี ปาเกียว กลายเป็นนักมวยระดับโลก และเป็นนักมวยชาวเอเชียรายแรกที่ได้ครองแชมป์โลกถึง 8 รุ่น นับว่าเป็นแชมป์โลกชาวเอเชียคนแรกที่ทำได้ถึงเช่นนี้ เพราะโดยปกติจะไม่มีโอกาสของนักมวยชาวเอเชียถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังได้รับการจัดอันดับว่าเป็นนักมวยที่ดีที่สุดในโลกปอนด์ต่อปอนด์ มักได้รับการติดต่อให้ไปชกที่สหรัฐอเมริกาบ่อย ๆ มีค่าตัวไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท เคยปะทะฝีมือกับยอดนักมวยระดับโลกมาแล้วหลายคน ซ้ำยังเอาชนะได้อีกต่างหาก เช่น มาร์โก อันโตนิโอ บาร์เรรา, เอริก โมราเลส, ฆวน มานูเอล มาร์เกซ, ออสการ์ เดอ ลา โฮยา, ริกกี แฮตตัน, อันโตนิโอ มาร์การิโต เป็นต้น จนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นนักกีฬาชาวฟิลิปปินส์ที่ชาวโลกรู้จักดีที่สุด และเป็นหนึ่งในชาวฟิลิปปินส์ที่ชาวโลกรู้จักดีที่สุดเทียบเท่าประธานาธิบดีกลอเรีย อาร์โรโย เลยทีเดียว นอกจากนี้ ปาเกียวยังได้รับเกียรติให้เป็นผู้เชิญธงชาติฟิลิปปินส์ ในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูร้อน 2008กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แม้ว่าตัวปาเกียวเองจะไม่ได้ร่วมการแข่งขันด้วยก็ตาม

ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 ปาเกียวขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวตของ องค์กรมวยโลก (WBO) กับ มีเกล กอตโต​ นักมวยชาวปวยร์โตรีโก การชกเป็นไปอย่างดุเดือดโดย ปาเกียว สามารถส่ง กอตโต ลงไปนอนให้กรรมการนับ 8 ได้ในยกที่ 2 และ 3 และหลังจากนั้นปาเกียวก็เป็นไล่ชก กอตโต อยู่ฝ่ายเดียวจนกรรมการยุติการชกในยกที่ 12 ทำให้ ปาเกียวสามารถคว้าเข็มขัดแชมป์โลกเส้นที่ 7 มาครองได้สำเร็จ และนับเป็นนักมวยคนแรกของโลกที่ได้แชมป์โลกมากถึง 8 รุ่น และถือว่าเป็นนักมวยอันดับหนึ่งของโลกเมื่อเทียบกันแล้วปอนด์ต่อปอนด์ในยุคปัจจุบัน

ในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 ปาเกียวขึ้นชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกร่นเวลเตอร์เวทของ WBO โดยพบกับ ฆวน มานูเอล มาร์เกซ นักมวยชาวเม็กซิกันที่เคยพบกันมาก่อนหน้านี้แล้วถึง 3 ครั้ง แม้ปาเกียวจะเป็นฝ่ายที่เอาชนะไปได้ก่อนหน้าถึง 2 ครั้ง และเสมอหนึ่งครั้ง แต่ฝ่ายมาร์เกซอ้างว่าตนเองต่างหากที่สมควรเป็นผู้ชนะ สำหรับผลการชกในครั้งนี้ ปรากฏว่าปาเกียวเป็นฝ่ายเดินเข้าหามาร์เกซ แต่ถูกมาร์เกซดักสวนกลับไปได้หลายครั้ง จนหมด 12 ยก สภาพการณ์น่าจะเป็นมาร์เกซเป็นผู้ชนะคะแนน แต่เมื่อมีการประกาศคะแนนออกมาแล้ว ปรากฏว่ากรรมการทั้ง 3 ท่าน ให้มาร์เกซเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ คือ 114-114 ,115-113 และ 116-112 ค้านสายตาแฟนมวยในสนามและทั่วโลกที่นั่งชมการถ่ายทอดผ่านหน้าจอโทรทัศน์เป็นอย่างมาก[3]

ต่อมา ปาเกียวเป็นฝ่ายแพ้คะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ต่อ ทิโมธี แบรดลีย์ นักมวยผิวสีชาวอเมริกัน อดีตแชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท ที่ทำน้ำหนักขึ้นมา และไม่เคยแพ้ใคร ด้วยคะแนน 113-115 ทั้ง 3 เสียง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2555[4]

จากนั้น ในวันที่ 9 ธันวาคม ปีเดียวกัน ปาเกียวเปิดโอกาสให้มาร์เกซชกล้างตาอีกรอบเป็นครั้งที่ 4 ปรากฏว่าปาเกียวเป็นฝ่ายโดนมาร์เกซที่อยู่ในวัย 39 ปีแล้ว ชกลงไปนับ 8 ก่อนในยกที่ 4 จากนั้นปาเกียวได้นับ 8 คืนมาในยกที่ 5 และสามารถเรียกเลือดจากดั้งจมูกของมาร์เกซได้ แต่ในปลายยกที่ 6 ปาเกียวขณะโถมตัวบุกเข้ามา โดนหมัดขวาสวนของมาร์เกซเข้าเต็มคาง หน้าคว่ำลงไปนอนกับพื้นเวทีอย่างหมดสภาพ กรรมการยุติการชกทันที ทำให้ปาเกียวเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอไปในยกนี้ ด้วยเวลา 02.59 นาที ทำให้มาร์เกซเอาชนะปาเกียวได้เป็นครั้งแรกในการชกของทั้งคู่ซึ่งในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 โดยถือว่าเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดของมาร์เกซ ขณะที่ปาเกียวนับเป็นการแพ้ติดต่อกันถึง 2 ครั้ง[5]

ต่อมาในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2557 ปาเกียวได้มีโอกาสพบกับแบรดลีย์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ปาเกียวมีความมุ่งมั่นมากที่จะเอาชนะแบรดลีย์ให้ได้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่า ปาเกียวในขณะนี้ไม่ใช่ปาเกียวคนเดิมอีกแล้ว เพราะทั้งน้ำหนักหมัด และจังหวะความเร็วที่เคยเป็นจุดเด่น ก็ลดลงเป็นอย่างมาก ผลการชกปรากฏว่า ปาเกียวเป็นฝ่ายชนะคะแนนแบบเป็นเอกฉันท์ต่อแบรดลีย์ด้วยคะแนน 118-110, 116-112 และ 116-112 ทำให้ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง[6][7]

ล่าสุด แมนนี ปาเกียว ได้เซ็นสัญญาชกกับ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ นักมวยที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งสถิติการชกยังไม่เคยเสมอหรือแพ้ใคร เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งทั้งคู่ได้รับการจับตาและคาดหมายว่าควรจะได้ชกเพื่อพิสูจน์ฝีมือกันมานานแล้ว โดยกำหนดขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ที่เอ็มจีเอ็มการ์เดนอารีนา ในนครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าค่าตัวของทั้ง 2 น่าจะไม่น้อยกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) สำหรับ เมย์เวทเทอร์ จูเนียร์ จะได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 60 ขณะที่ ปาเกียว จะยอมรับส่วนแบ่งที่น้อยกว่า คือ ร้อยละ 40 รวมทั้งยังมีรายได้สิทธิประโยชน์ด้านอื่นตามมาอีก เช่น ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม [8]

ผลการชก ปรากฏว่า ปาเกียวเป็นฝ่ายเดินเข้าหาและออกหมัดเข้าใส่ ขณะที่เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เน้นการชกอยู่วงนอก และเต้นพลิ้วหลบหมัดของปาเกียวไปได้หลายครั้ง ในยกที่ 6 และ 8 ปาเกียวสามารถไล่เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เข้าไปที่มุมและรัดหมัดชุดใส่ได้ แต่ในยกต่อ ๆ มา เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ กลับมาชกในรูปแบบเดิม เมื่อครบ 12 ยก ปาเกียวเป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างเป็นเอกฉันท์ 118-110, 116-112 และ 116-112 [9] ซึ่งปาเกียวเชื่อว่า ตนน่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า [10] โดยหลังการชก ปาเกียวได้เปิดเผยว่า หัวไหล่ขวาของตนนั้นเกิดอาการกล้ามเนื้อฉีกขาดก่อนการชกราว 3 สัปดาห์ ทำให้ไม่สามารถออกหมัดขวาได้อย่างเต็มที่ และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลังการชก ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาพักรักษาตัวนานร่วมปี [11]

ชีวิตส่วนตัว

ปาเกียวนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโปรแตสแตนท์ ซึ่งเดิมเคยนับถือนิกายโรมันคาทอลิคมาก่อน[12] ชีวิตครอบครัว ปาเกียวสมรสกับจินกี้ จาโมร่า เมื่อปี พ.ศ. 2541 ขณะที่จินกี้อายุได้ 18 ปี ปาเกียวอายุ 19 ปี ปัจจุบันทั้งคู่มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 4 คน ปาเกียวเป็นนักมวยที่ไว้ผมยาวกว่านักมวยทั่วไป โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าเนื่องจากชื่นชอบบรูซ ลี จึงไว้เลียนแบบ[1]

แหล่งที่มา

WikiPedia: แมนนี_ปาเกียว http://www.latimes.com/sports/sportsnow/la-sp-sn-p... http://sport.sanook.com/36413/ http://www.smmsport.com/reader.php?news=149615 http://www.sportfm.net/news/news.php?id_news=5540 http://www.mannypacquiao.ph http://www.dailynews.co.th/sports/318652 http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsI... http://www.manager.co.th/sport/ViewNews.aspx?NewsI... http://www.thairath.co.th/content/482520 http://www.thairath.co.th/content/496643