มวยปล้ำอาชีพ ของ แรนดี_ออร์ตัน

การฝึกอบรม

ออร์ตันเปิดตัวในวงการมวยปล้ำครั้งแรกในปี 2000 กับ Mid-Missouri Wrestling Association-Southern Illinois Conference Wrestling (MMWA-SICW) ที่เซนต์หลุยส์, หน่อของประวัติศาสตร์ St. Louis Wrestling Club นำโดย แซม มัชนิก[3] ที่นั่นเขาได้รับการฝึกฝนโดยทั้งสองสมาคมและพ่อของเขา "คาวบอย" บ๊อบ ออร์ตัน เขาปล้ำอยู่หนึ่งเดือนร่วมกับนักมวยปล้ำเช่น Ace Strange และ Mark Bland[13][3][13] ออร์ตันยังเป็นกรรมการการแข่งขันไม่กี่ครั้งกับ World Organized Wrestling ค่ายที่ลุงของเขา แบร์รี ออร์ตัน ทำงานอยู่[2] ในปี 2001 ออร์ตันได้เซ็นสัญญากับเวิลด์เรสต์ลิงเอ็นเตอร์เทนเมนต์(WWE) และได้ฝึกมวยปล้ำสมาคมโอไฮโอแวลลีย์เรสต์ลิง คว้าแชมป์ฮาร์ดคอร์ OVW 2 สมัย[14]

ดับเบิลยูดับเบิลยูอี (2002–ปัจจุบัน)

คว้าแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดในซัมเมอร์สแลม 2004 ด้วยวัยเพียง 24 ปี 4 เดือน 15 วัน

ออร์ตันได้มีโอกาสมาอยู่ WWF/E และเปิดตัวครั้งแรกในสแมคดาวน์ วันที่ 25 เมษายน 2002 โดยการเจอกับฮาร์ดคอร์ ฮอลลี[15] ซึ่งก็ได้การตอบรับจากคนดูได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ต่อมาในเดือนกันยายน ออร์ตันได้ถูกย้ายมาที่รอว์ และได้เอาชนะสตีเวน รีชาร์ด เป็นการเปิดตัวของเขาครั้งแรกในรอว์[16][17] นอกจากนี้ออร์ตันยังได้ร่วมกลุ่มกับเอฟโวลูชั่น ซึ่งมีทริปเปิลเอช, ริก แฟลร์ และบาทิสตา อยู่ด้วย หลังจากนั้นออร์ตันก็โด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ โดยสามารถคว้าแชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล[18][19] โดยการเอาชนะร็อบ แวน แดมได้ในอาร์มาเกดดอน 2003[20] และยังได้ปราบนักมวยปล้ำที่เป็นตำนานหลายคน อาทิ เช่น ฮาร์ลีย์ เรซ, ชอว์น ไมเคิลส์, มิค โฟลีย์, จ่าสลอจเตอร์ และอีกมากมาย[21] ในซัมเมอร์สแลม 2004 ออร์ตันได้เอาชนะคริส เบนวา และเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวทที่อายุน้อยที่สุด[22][23] ซึ่งชัยชนะครั้งนี้ของออร์ตัน ทำให้ทริปเปิลเอช หัวหน้ากลุ่มเอฟโวลูชั่น เกิดความอิจฉา เพราะตนก็กำลังพยายามไล่ล่าเข็มขัดแชมป์เส้นนี้กลับมาหลังจากที่เสียไปให้เบนวาในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 20 ออร์ตันจึงถูกหักหลังและต้องออกจากกลุ่มเอฟโวลูชั่น ทำให้กลายเป็นฝ่ายธรรมะ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา[24] แต่ในอันฟอร์กิฟเว่น 2004 ทริปเปิลเอชก็กระชากแชมป์จากออร์ตันไปได้[25]

แชมป์โลกแท็กทีมร่วมกับเอดจ์ในนามเรท-อาร์เคโอ

ออร์ตันได้กลับมาเป็นฝ่ายอธรรมอีกครั้งในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 21 ออร์ตันได้ปะทะกับสุดยอดนักมวยปล้ำระดับตำนาน และเจ้าของสถิติไม่แพ้ใครในเรสเซิลเมเนีย อย่าง ดิอันเดอร์เทเกอร์ แต่ออร์ตันก็ไม่สามารถทำลายสถิติไม่แพ้ใครในเรสเซิลเมเนียของอันเดอร์เทเกอร์ลงได้[26][27][28] จากนั้นออร์ตันก็ลอบทำร้ายอันเดอร์เทเกอร์ตลอดเวลา และท้าเจอกันในอาร์มาเกดดอน 2005 ในแมตช์เฮลล์อินเอเซลล์ แมทช์ แต่สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายแพ้[29] แต่ออร์ตันก็ยังคงโชว์ฝีมือได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการไล่ล่าตำนานคนต่อๆไปอย่าง ฮอง โฮแกน, ร็อดดี ไพเพอร์ และอาจารย์เก่าอย่าง ริก แฟลร์ ซึ่งออร์ตันก็สามารถเล่นงานได้หมดทุกคน และในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 22 ออร์ตันได้ปะทะกับเคิร์ต แองเกิล และเรย์ มิสเตริโอ 3 เส้า ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท[30] สุดท้ายเรย์จัดการออร์ตันด้วยท่า 619 คว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทไป[31] ในปลายปี 2006 ออร์ตันได้มีโอกาสจับคู่กับเอดจ์ ในนามเรท-อาร์เคโอ เปิดศึกกับดี-เจเรเนชั่น เอ็กซ์ (ทริปเปิลเอช กับ ชอว์น ไมเคิลส์) ซึ่งผลัดแพ้ผลัดชนะกันหลายรอบ จนจบด้วยการที่ทริปเปิลเอชเจ็บเข่าต้องพักไป 7 เดือน นอกจากนี้ออร์ตันก็สามารถคว้าแชมป์โลกแท็กทีมคู่กับเอดจ์[32][33][34] จากการเอาชนะนักมวยปล้ำระดับตำนานอย่าง ริก แฟลร์ และร็อดดี ไพเพอร์ อีกด้วย แต่ก็เสียแชมป์ให้กับจอห์น ซีนาและชอว์น หลังจากนั้นก็แตกทีมกัน[35]

แชมป์ WWEในปี2008

ออร์ตันพยายามไล่ล่าแชมป์ WWEจากจอห์น ซีนา ถึงขั้นไปทำร้ายพ่อของซีนาด้วย[36] แต่ออร์ตันก็ไม่ได้แชมป์เพราะซีนาให้พ่อของเขามาเตะหัวออร์ตัน จนกระทั่งต่อมาซีนาได้รับบาดเจ็บจึงต้องสละแชมป์ให้กับออร์ตันในโนเมอร์ซี 2007 ซึ่งคืนนั้น ทริปเปิลเอช ลูกพี่เก่าได้มาท้าชิงแชมป์กับเขาและเสียแชมป์ไป แต่ออร์ตันก็คว้าแชมป์กลับมาได้ในคืนเดียวกันในแมตช์ Last Man Standing ใครล้มลงนอนกับพื้นแล้วถูกกรรมการนับสิบจะเป็นฝ่ายแพ้[37][38] ในแบคแลช (2008) ทริปเปิลเอชได้กลับมากระชากแชมป์จากออร์ตันแบบ Fatal-4-Way Elimination Match (4 เส้าแพ้คัดออกเหลือคนสุดท้ายเป็นผู้ชนะ)[39] ในจัดจ์เมนท์เดย์ (2008) ออร์ตันขอท้าชิงแชมป์กับทริปเปิลเอชในกรงเหล็ก แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์คืนได้[40] และเจอกันอีกครั้งในวันไนท์สแตนด์ (2008)แบบ Last Man Standing แต่ครั้งนี้ออร์ตันแพ้และทำให้ต้องพักไปหลายเดือนเลยทีเดียว[41] เมื่อออร์ตันกลับมาก็ได้ลอบทำร้ายนักมวยปล้ำทุกคนที่ขวางหน้า เช่น ซีเอ็ม พังก์, บาทิสตา และตระกูลแม็กแมน เจ้าของธุรกิจ WWE ต่อมาออร์ตันได้เป็นผู้ชนะรอยัลรัมเบิล (2009) ซึ่งมีสิทธิ์ในการชิงแชมป์โลก[42] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 25 ทริปเปิลเอชซึ่งเป็นลูกเขยของตระกูลแม็กแมนรอคอยการแก้แค้นให้พ่อตาจึงท้าให้ออร์ตันชิงแชมป์กับเขาในเรสเซิลเมเนีย ผลสรุปคือทริปเปิลเอชได้จัดการออร์ตัน ด้วยค้อนปอนด์ และท่าไม้ตาย Pegdigree ทำให้ออร์ตันแพ้อย่างหมดรูปและไม่สามารถเอาแชมป์คืนมาได้[43][44]

เดอะเลกาซี: ออร์ตัน, เท็ด ดีบีอาซี(ขวา) และโคดี โรดส์(ซ้าย)

ในแบคแลช (2009)ออร์ตันมีโอกาสชิงแชมป์ WWE อีกครั้งแบบแท็กทีม 6 คนโดยจับคู่กับเดอะเลกาซี (โคดี โรดส์ และเท็ด ดิบิอาซี่) เจอทริปเปิลเอช, บาทิสตา และเชน แม็กแมน ผลปรากฏว่าออร์ตันเล่นงานทริปเปิลเอชด้วยท่า RKO และพั้นซ์คิก คว้าแชมป์กลับมาครองได้[45] หลังจากนั้นออร์ตันเสียแชมป์ให้ซีนา และก็โทษโคดีและเท็ดที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาแพ้ต่อซีนาถึง 3 ครั้ง ในรอยัลรัมเบิล (2010)ออร์ตันได้ชิงแชมป์ WWE กับเชมัส นักมวยปล้ำหน้าใหม่และเป็นแชมป์ในตอนนั้น ผลปรากฏว่าโคดีมาลอบทำร้ายเชมัส ทำให้ออร์ตันแพ้ฟาล์ว[46][47] ต่อมาเลกาซีก็ได้แตกกลุ่มและเจอกันแบบ 3 เส้าในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 26 ผลปรากฏว่าออร์ตันจัดการทั้งโคดีและเท็ดเอาชนะไปได้ และกลับมาเป็นฝ่ายธรรมะ[48] ออร์ตันได้ขอท้าชิงแชมป์ WWE กับเชมัสในซัมเมอร์สแลม (2010)[49] ผลปรากฏว่าออร์ตันชนะฟาล์วไม่ได้แชมป์[50] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2010)ออร์ตันชนะ 6 เส้าคว้าแชมป์ WWE กลับมาได้[51] ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2010)ต้องป้องกันแชมป์กับหัวหน้าเดอะเน็กซัส เวด บาร์เร็ตต์โดยมีจอห์น ซีนาเป็นกรรมการพิเศษ ผลปรากฏว่าออร์ตันเป็นฝ่ายป้องกันแชมป์ได้[52][53] ในรอว์ 22 พฤศจิกายน 2010 หลังจากที่ออร์ตันป้องกันแชมป์ WWE กับบาร์เร็ตต์ได้ โดยการช่วยเหลือของจอห์น ซีนา แต่ว่าหลังจากจบแมตซ์ เดอะมิซได้ใช้สิทธิ์กระเป๋า Money In The Bank และกระชากแชมป์ไปจากออร์ตัน[54] ในทีแอลซี (2010)ได้แพ้ชิงแชมป์กับเดอะมิซในรูปแบบจับฟาดใส่โต๊ะ[55]

ออร์ตันชนะ 3 เส้า ทำให้ได้เป็นผู้ท้าชิงแชมป์ WWE กับมิซในรอยัลรัมเบิล (2011)แต่ไม่สามารถคว้าแชมป์คืนได้เพราะกลุ่มเดอะนิวเน็กซัสของซีเอ็ม พังก์มาก่อกวนออร์ตันจนแพ้ให้กับมิซ[56] จากนั้นได้เปิดศึกกับซีเอ็ม พังก์ท้าเจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 27และออร์ตันเป็นฝ่ายชนะ[57] ออร์ตันได้ย้ายไปอยู่สแมคดาวน์จากการดราฟท์ 25 เมษายน ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2011)เอาชนะพังก์ได้แบบลาสแมนสแตนดิ้ง เป็นชัยชนะครั้งที่2 ติดต่อกัน[58] 2 วันต่อมาในสแมคดาวน์ ออร์ตันได้คว้าแชมป์โลกเฮฟวี่เวทจากคริสเตียนเป็นสมัยที่ 8[59] ในโอเวอร์ เดอะ ลิมิต (2011)ป้องกันแชมป์กับคริสเตียนเอาไว้ได้[60] หลังจากที่ออร์ตันป้องกันแชมป์โดยมีคริสเตียนเป็นกรรมการพิเศษ คริสเตียนได้เอาเข็มขัดแชมป์ฟาดใส่หัวออร์ตัน ในแคปิเทล พูนิชเมนท์ป้องกันแชมป์กับคริสเตียนได้อีกครั้งโดยขาคริสเตียนลอดเชือก[61] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2011)ต้องป้องกันแชมป์กับคริสเตียนโดยถ้าออร์ตันทำผิดกฎิตา เข็มขัดจะตกเป็นของคริสเตียนทันที[62] สุดท้ายออร์ตันก็ทำโดยการเตะผ่าหมากของคริสเตียน จนถูกปรับแพ้ฟาล์วและเสียแชมป์ให้คริสเตียน[63] หลังแมตช์ออร์ตันคลั่งกระทืบคริสเตียนเละก่อนจะ RKO บนโต๊ะผู้บรรยาย แล้วก็เดินกลับไป แต่เปลี่ยนใจย้อนกลับมา RKO บนโต๊ะซ้ำอีกรอบจนคริสเตียน กลายเป็นแชมป์แบบอนาถ ถูกหิ้วปีกออกจากสนาม ในซัมเมอร์สแลม (2011)ออร์ตันสามารถเอาชนะคริสเตียนแบบไม่มีกฎกติกา คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 9 ได้สำเร็จ[64] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2011)เสียแชมป์ให้กับมาร์ก เฮนรี[65]

แชมป์ WWEในปี2013

ออร์ตันได้เปิดศึกกับเวด บาร์เร็ตต์ ในเซอร์ไวเวอร์ซีรีส์ (2011)ออร์ตันได้เป็นกัปตันทีมแมตช์ประเพณี 5 ต่อ 5 คัดออก แพ้ให้ทีมบาร์เร็ตต์[66] ในศึก ทีแอลซี (2011) ออร์ตันได้เอาชนะบาร์เร็ตต์ไปได้ในรูปแบบจับฟาดใส่โต๊ะ โดยออร์ตันใส่ท่า RKO เล่นงานบาร์เร็ตต์กับโต๊ะ[67] ในสแมคดาวน์ส่งท้ายปี 2011 ออร์ตันได้เจอกับบาร์เร็ตต์แบบจับกดที่ไหนก็ได้ สุดท้ายออร์ตันถูกบาร์เร็ตต์เหวี่ยงตกบันได[68] ในสแมคดาวน์ 27 มกราคม ออร์ตันได้กลับมาเล่นงานบาร์เร็ตต์ จนกรรมการและนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ต้องออกมาช่วยห้ามแต่เหล่านักมวยปล้ำที่เข้ามาห้ามนั้นก็โดน RKO จนหมด[69] ในสแมคดาวน์ 3 กุมภาพันธ์ เอาชนะบาร์เร็ตต์ไปแบบไม่มีการจับแพ้ฟาล์วล้างแค้นได้สำเร็จ[70] ออร์ตันได้ร่วมปล้ำอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2012)ชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท แต่ออร์ตันได้รับบาดเจ็บจนมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองจากการถูกแดเนียล ไบรอันทำร้าย ทำให้หมดสิทธิ์[71] ในสแมคดาวน์ 2 มีนาคม ออร์ตันได้หายเจ็บกลับมาเจอไบรอันเป็นการล้างแค้น สุดท้ายไม่มีผลตัดสิน เพราะเคนออกมาไล่อัดออร์ตันก่อนจับใส่โชคสแลม แล้วเอาไมค์มากล่าวยินดีต้อนรับออร์ตันที่หายบาดเจ็บกลับมา[72] ในรอว์ 5 มีนาคม ออร์ตันได้เอาคืนเคนด้วยท่า RKO[73] ทั้งคู่ได้เจอกันในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 28โดยออร์ตันแพ้ ก่อนจะล้างแค้นไปได้ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2012)แบบจับกดที่ไหนก็ได้[74] ในโอเวอร์เดอะลิมิต (2012)ได้ปล้ำ 4 เส้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับเชมัส, คริส เจริโค, และอัลเบร์โต เดล รีโอ แต่ไม่ได้แชมป์[75]

วันที่ 30 พฤษภาคม 2012 เว็บไซต์ WWE.com ได้ประกาศสั่งแบนออร์ตันเป็นเวลา 60 วัน จากการไม่ผ่านการตรวจสุขภาพเป็นครั้งที่2 หากมีครั้งที่3 ก็จะถูกไล่ออก[76] ออร์ตันพ้นโทษแบนกลับมาในรอว์ 30 กรกฎาคม ชนะฮีท สเลเตอร์[77] ในสแมคดาวน์ 24 สิงหาคม แพ้ให้อัลเบร์โต เดล รีโอ ในการหาผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวทอันดับ 1[78] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2012)เอาชนะดอล์ฟ ซิกก์เลอร์ไปได้[79] ในสแมคดาวน์ 28 กันยายน ออร์ตันได้ถูกเดล รีโอลอบทำร้ายหลังจากแพ้บิ๊กโชว์ในการหาผู้ท้าชิงแชมป์โลกเฮฟวี่เวท[80] เป็นบทให้หายจากการปล้ำเพื่อไปแสดงภาพยนตร์เรื่อง 12 Rounds Reloaded[81] ในสแมคดาวน์ 12 ตุลาคม ออร์ตันได้มาล้างแค้นเดล รีโอ แล้วจะจัดการ RKO อัดกับโต๊ะผู้บรรยาย แต่เดล รีโอขัดขืนหนีไปได้[82] ในเฮลอินเอเซล (2012)ชนะเดล รีโอไปได้[83] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 29จับคู่กับเชมัสและบิ๊กโชว์แพ้เดอะชีลด์หลังแมตช์บิ๊กโชว์ปล่อยหมัดใส่เชมัสกับออร์ตัน[84] ในรอว์ 8 เมษายน ได้เจอกับเชมัสโดยผู้ชนะจะไปเจอกับบิ๊กโชว์ ระหว่างแมตช์บิ๊กโชว์ออกมาป่วนทำให้ไม่มีผลตัดสิน[85] ในสแมคดาวน์ 12 เมษายน จับคู่กับเชมัสเจอบิ๊กโชว์แบบแฮนดิแคป 2 รุม 1 แต่จบด้วยการเคาท์เอาท์[86] ในรอว์ 15 เมษายน จับคู่กับเชมัสเอาชนะบิ๊กโชว์ไปได้[87] ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2013)เอาชนะบิ๊กโชว์ไปได้ด้วยท่าเตะกะโหลกในแมตช์เอกซ์ตรีมรูลส์[88] ในเพย์แบ็ค (2013)ได้จับคู่กับแดเนียล ไบรอันชิงแชมป์แทกทีกับเซท รอลลินส์และโรแมน เรนส์ 2สมาชิกเดอะชีลด์ แต่ไม่สำเร็จ[89]

แชมป์โลกเฮฟวี่เวท WWE

ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2013)ออร์ตันได้คว้ากระเป๋ามันนีอินเดอะแบงก์ทำให้มีสิทธิ์ที่จะชิงแชมป์ WWE ที่ไหน เมื่อไร เวลาใดก็ได้ เพียง 1 ครั้ง[90] ในซัมเมอร์สแลม (2013)ออร์ตันได้ใช้สิทธิ์กระเป๋าคว้าแชมป์ WWE จากแดเนียล ไบรอัน ที่เพิ่งคว้าแชมป์จากจอห์น ซีนา จากการช่วยเหลือของทริปเปิลเอชที่ใส่ Pedigree กับไบรอัน ทำให้ออร์ตันคว้าแชมป์โลกสมัยที่10 ได้สำเร็จ และกลับมาเป็นฝ่ายอธรรม[91] ในรอว์ 19 สิงหาคม 2013 มีการเฉลิมตำแหน่งแชมป์ของออร์ตัน ซึ่งมีนักมวยปล้ำทุกคนของ WWE มายืนที่เวที โดยมีเดอะชีลด์ยืนอยู่ริมเวที วินซ์, สเตฟานี แม็กแมน และทริปเปิลเอช ก็ออกมากันพร้อมหน้า (เปิดตัวกลุ่ม ดิออธอริตี) ทริปเปิลเอชประกาศแนะนำตัวออร์ตัน แชมป์ WWE คนใหม่ ออร์ตันออกมาจับมือกับครอบครัวแม็กแมน ออร์ตันบอกว่าปกติเขาไม่ชอบขอบคุณใคร แต่ครั้งนี้เขาต้องบอกว่าเขาต้องขอบคุณทริปเปิลเอชจริงๆ ทริปเปิลเอชบอกว่าเขารู้ว่าแดเนียล ไบรอันยังอยู่ในสนามแห่งนี้ ถ้าหากว่ามีปัญหาอะไรก็จงออกมาเคลียร์กันเดี๋ยวนี้ ไบรอันออกมาและจะขึ้นเวที แต่เดอะชีลด์มารุมอัดไบรอัน แต่ทริปเปิลเอชสั่งห้ามไว้ ทริปเปิลเอชบอกให้ไบรอันขึ้นมาบนเวที ไบรอันขึ้นเวทีไปปุ๊บก็โดน RKO ทันที แล้วออร์ตันกับครอบครัวแม็กแมนก็ชูมือฉลองกัน[92] ในไนท์ออฟแชมเปียนส์ (2013) ออร์ตันได้เสียแชมป์ให้กับไบรอัน[93] ในรอว์ 16 กันยายน ทริปเปิลเอชได้สั่งปลดแชมป์ของไบรอัน โดยบอกว่าสก็อตต์ อาร์มสตรองที่ตัดสินแมตช์ชิงแชมป์นับ 1 2 3 เร็วเกิน[94] ในแบทเทิลกราวด์ (2013) ออร์ตันได้ชิงแชมป์ WWE ที่ว่างอยู่ กับไบรอัน แต่แมตช์จบลงโดยไม่มีผลการตัดสิน เพราะบิ๊กโชว์ออกมาก่อกวนการปล้ำ[95] ทั้งคู่ก็ได้รีแมตช์ชิงแชมป์ที่ว่างอยู่กันอีกครั้งในกรงเหล็กเฮลอินเอเซล (2013) โดยมีชอว์น ไมเคิลส์เป็นกรรมการพิเศษ สุดท้ายออร์ตันก็เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ WWE สมัยที่8[96]

ในรอว์ 25 พฤศจิกายน ออร์ตันออกมาบอกว่าพวกแกคงจะไม่คิดล่ะสิว่าชั้นคนนี้จะออกมาที่นี่ในฐานะแชมป์ WWE แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่คาใจ จึงขอให้ทริปเปิลเอชออกมา และออร์ตันบอกว่าทำไมต้องออกมาช่วยเขาด้วย? ก็ไหนบอกว่าไม่ต้องมีการก่อกวนไง เขาเอาชนะด้วยตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาช่วย เพราะเขาคือผู้เป็นหน้าเป็นตาของ WWE เป็นแชมป์ WWE เป็นซุปเปอร์สตาร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ WWE ตลอดกาลและไม่มีใครจะมาแย่งชิงอะไรไปจากเขาได้ แชมป์โลกเฮฟวี่เวท จอห์น ซีนา ออกมาบอกว่าเขานี่แหละที่จะทำได้ ขอท้าเจอออร์ตันโดยเอาแชมป์ทั้งสองเส้นเป็นเดิมพัน ทริปเปิลเอชกับสเตฟานีก็เห็นชอบด้วย และทริปเปิลเอชก็จัดแมตช์ใน TLC ให้ทั้งสองคนเจอกันและจะเอาแชมป์ทั้งสองเส้นแขวนไว้ในแมตช์โต๊ะ, บันได และเก้าอี้ (TLC Match) คืนเดียวกันออร์ตันได้จับคู่กับอัลเบร์โต เดล รีโอ แพ้จอห์น ซีนากับบิ๊กโชว์ หลังแมตช์เดล รีโอมาเล่นงานซีนา แต่โดนซีนาจับใส่ Attitude Adjustment ออร์ตันก็เอาเข็มขัด WWE ฟาดหัวซีนาและไปเอาเข็มขัดโลกเฮฟวี่เวทของซีนามาชูทั้งสองเส้นประกาศศักดา ในทีแอลซี (2013)ออร์ตันได้ชนะซีนาคว้าแชมป์ทั้งสองเส้น และกลายเป็นแชมป์โลกเฮฟวี่เวท WWE คนแรก[Note 1][97] ในรอยัลรัมเบิล (2014)ป้องกันแชมป์กับซีนาเอาไว้ได้โดยการช่วยเหลือจากเดอะไวแอ็ตต์แฟมิลี[98] ในอิลิมิเนชั่น แชมเบอร์ (2014)ต้องป้องกันแชมป์กับนักมวยปล้ำทั้ง 5 คน แต่ก็เป็นฝ่ายป้องกันแชมป์เอาไว้ได้สำเร็จ[99] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 30ต้องป้องกันแชมป์ 3 เส้ากับแดเนียล ไบรอัน และผู้ชนะรอยัลรัมเบิล บาทิสตา สุดท้ายเป็นไบรอันที่ได้แชมป์[100][101]

แชมป์ยูเอส

1 วันหลังจบเรสเซิลเมเนีย 30 สเตฟานีได้ออกมาสั่งให้ออร์ตันและบาทิสตาร่วมมือกันเป็นทีม เริ่มต้นจากชิงแชมป์แท็กทีมกับดิอูโซส์ ผลออกมาเป็นดับเบิลเคาท์เอาท์ และได้สั่งให้เคน, บาทิสตา และออร์ตัน ทำร้ายไบรอันก่อนการก่อนแข่งขันจะเริ่มต้น เป็นการสร้างจุดอ่อน และทำให้ทริปเปิลเอชมีโอกาสชนะมากขึ้น จนเดอะชีลด์ได้ออกมาบนเวที และได้ช่วยไบรอันจากการกลั่นแกล้งของกลุ่มทริปเปิลเอช[102] สัปดาห์ต่อมาเดอะชิลด์ต้องปล้ำแฮนดิแคป 11 รุม 3 แต่กรรมการต้องยุติแมตช์เนื่องจากอัดกันไม่หยุด ก่อนที่ทริปเปิลเอช, ออร์ตัน และบาทิสตาจะออกมาในนามเอฟโวลูชั่น และมาจัดการอัดกลุ่มเดอะชิลด์จนหมดสภาพ ก่อนที่จะประกาศแท็กทีมระหว่างเดอะชีลด์กับเอฟโวลูชั่นในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2014)โดยเอฟโวลูชั่นเป็นฝ่ายแพ้[103] ดูเหมือนว่าความแค้นของเอฟโวลูชั่นจะยังไม่จบลง เมื่อในรอว์คืนถัดมา ดีน แอมโบรสต้องป้องกันแชมป์ยูเอสในแบทเทิลรอยัลโดยเชมัสได้แชมป์ไป ก่อนที่กลุ่มเอฟโวลูชั่นตามมาทำร้ายเดอะชีลด์ในแมตช์กับไวแอ็ตต์แฟมิลี รอว์ตอนถัดมา เดอะชีลด์ได้ออกมาท้าเอฟโวลูชั่นเจอในเพย์แบ็ค ขณะที่บาทิสตาท้าขอเจอกับโรแมน เรนส์ในคู่เอกรอว์ ซึ่งในแมตช์นั้น สมาชิกที่เหลือของเดอะชีลด์และเอฟโวลูชั่นต่างก็ยืนอยู่ข้างเวที และในระหว่างแมตช์ทั้งสองฝ่ายต่างอัดกันจนกรรมการต้องยุติ สเตฟานีจึงเรียกนักมวยปล้ำคนอื่นๆ มาช่วยจัดการแต่ก็ไม่สำเร็จและยังโดนเดอะชีลด์เล่นงานคืน ในเพย์แบ็ค (2014)เอฟโวลูชั่นแพ้แบบไม่มีกฎกติกา คัดออก 3-0[104] คืนต่อมาบาทิสตาได้ขอลาออกจาก WWE คืนเดียวกันออร์ตันมีคิวเจอกับโรแมน เรนส์ ออร์ตันออกมาพร้อมกับทริปเปิลเอชที่ถือค้อนมาด้วย ทำให้เดอะชีลด์พากันไปหยิบเก้าอี้มาเตรียมไว้ ทริปเปิลเอชบอกว่าเขาก็มีแผน 2 เสมอ... ว่าแล้วรอลลินส์ก็เอาเก้าอี้ฟาดใส่เรนส์และแอมโบรส ก่อนจะยื่นเก้าอี้ให้ออร์ตันตีเรนส์กับแอมโบรสต่ออีก จากนั้นก็ RKO เรนส์ลงบนเก้าอี้ ปิดท้ายรายการโดยมีรอลลินส์ยืนอยู่กับออร์ตันและทริปเปิลเอช

ในเดือนพฤศจิกายน 2014 ออร์ตันได้ถูกกลุ่มออธอริตีหักหลังและรุมทำร้ายจนต้องหายจากการปล้ำตามเรื่องราว เพราะต้องไปแสดงภาพยนตร์เรื่อง Condemned 2: Desert Pray ก่อนจะกลับมาล้างแค้นออธอริตีในฟาสต์เลน (2015)[105] และเปิดศึกกับเซท รอลลินส์เอาชนะไปได้ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 31[106] ในรอว์ 6 เมษายน ออร์ตันชนะสามเส้าได้สิทธิ์ชิงแชมป์โลกกับรอลลินส์ในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2015)[107] ต่อมาได้เพิ่มกติกาปล้ำในกรงเหล็ก โดยออร์ตันถูกแบนห้ามใช้ท่า RKO และเคนเป็นคนเฝ้าประตูกรง สุดท้ายรอลลินส์ป้องกันแชมป์เอาไว้ได้[108] ในเพย์แบ็ก (2015) ออร์ตันได้แพ้ 4 เส้าชิงแชมป์โลก[109] ในมันนีอินเดอะแบงก์ (2015)ออร์ตันได้ร่วมชิงกระเป๋าสิทธิ์ชิงแชมป์โลกโดยเชมัสคว้าไปได้[110] ในแบทเทิลกราวด์ (2015)ออร์ตันเอาชนะเชมัสไปได้ในบ้านเกิด เซนต์หลุยส์, มิสซูรี[111] ก่อนจะแพ้ให้เชมัสในซัมเมอร์สแลม (2015)[112] ในเดือนตุลาคม 2015 ออร์ตันได้รับบาดเจ็บที่หัวไหล่ต้องเข้ารับการผ่าตัดและพักฟื้นเป็นเวลานาน[113]

7 กรกฎาคม 2016 WWE ได้ประกาศว่าออร์ตันจะกลับมาปล้ำในซัมเมอร์สแลม (2016)เจอกับบร็อก เลสเนอร์[114] 19 กรกฎาคม ออร์ตันได้ถูกดราฟท์ไปสแมคดาวน์[115] ในสแมคดาวน์ 26 กรกฎาคม ออร์ตันได้ขึ้นปล้ำครั้งแรกในรอบ 9 เดือนชนะเดอะมิซ[116] ในซัมเมอร์สแลมออร์ตันถูกเลสเนอร์อัดจนเลือดอาบ กรรมการจึงยุติแมตช์แบบ TKO[117] จากนั้นได้เปิดศึกกับเบรย์ ไวแอ็ตต์[118] ในเฮาส์โชว์ที่ชิคาโกแพ้รีแมตช์กับเลสเนอร์แบบไม่มีกฏกติกา[119][120] ในโนเมอร์ซี (2016)แพ้เบรย์จากการก่อกวนของฮาร์เปอร์[121] ในสแมคดาวน์ 25 ตุลาคม ระหว่างแมตช์เคนกับเบรย์ ออร์ตันได้ออกมาทำท่าจะช่วยเคน แต่กลับหักหลังเคนโดยใส่ RKO ทำให้เบรย์ชนะ ออร์ตันให้สัมภาษณ์หลังเวทีบอกว่าถ้าเอาชนะไวแอ็ตต์ไม่ได้ ก็ไปเป็นพวกมันซะเลย[122] ในทีแอลซี (2016)ออร์ตันกับเบรย์ได้คว้าแชมป์สแมคดาวน์แท็กทีม WWEจากฮีท สเลเตอร์และไรโน[123] ก่อนเสียแชมป์ให้อเมริกันอัลฟา[124] ในรอยัลรัมเบิล (2017)ออร์ตันได้เป็นผู้ชนะรอยัลรัมเบิลครั้งที่2ได้สิทธิ์ชิงแชมป์ WWE ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 33[125] ในสแมคดาวน์ 14 กุมภาพันธ์ หลังจากที่เบรย์ป้องกันแชมป์ WWE ได้ ออร์ตันออกมาปฏิเสธที่จะชิงแชมป์กับเบรย์ จึงมีการหาผู้ท้าชิงคนใหม่และเป็นเอเจ สไตส์ที่ได้สิทธิ์ไป แต่ในสแมคดาวน์ 28 กุมภาพันธ์ ออร์ตันได้หักหลังเบรย์โดยการเผาบ้านของเบรย์ และประกาศทวงสิทธิ์คืน[126] ทำให้ต้องมีการหาผู้ท้าชิงกับเอเจและเป็นออร์ตันที่ได้สิทธิ์คืน[127] ในเรสเซิลเมเนียออร์ตันคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยที่13[128][129]

ในเพย์แบ็ก (2017)แพ้เบรย์ในกติกา "House of Horrors" จากการก่อกวนของจินเดอร์ มาฮาลซึ่งเป็นผู้ท้าชิงอันดับ1กับออร์ตัน และเป็นการจบเรื่องราวกับเบรย์[130] ในแบ็กแลช (2017)เสียแชมป์ให้มาฮาลและพลาดการชิงคืนในมันนีอินเดอะแบงก์ (2017)[131][132] ในแบทเทิลกราวด์ (2017)แพ้ชิงแชมป์กับมาฮาลในกติกาปัญจาบพริซันแมตช์(แมตช์กรงไม้ไผ่)[133] ในฟาสต์เลน (2018)ได้คว้าแชมป์ยูเอสทำให้เป็นแชมป์แกรนด์สแลมคนที่18[134] ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 34เสียแชมป์ให้มาฮาลแบบ4เส้า[135] 2วันต่อมาออร์ตันได้ชนะแมตช์หาผู้ท้าชิงแชมป์ยูเอสกับมาฮาล[136] ทว่ามาฮาลเสียแชมป์ให้เจฟฟ์ ฮาร์ดีซะก่อน[137] ทำให้ออร์ตันได้ชิงกับเจฟฟ์ในแบ็กแลช (2018)แต่ไม่สำเร็จ[138] ก่อนจะพักเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่า[139] ออร์ตันได้ปรากฏตัวในเอ็กซ์ตรีมรูลส์ (2018)โดยออกมาทำร้ายเจฟฟ์ ฮาร์ดีหลังจากเสียแชมป์ยูเอสให้ชินซูเกะ นากามูระทำให้ออร์ตันกลับมาเป็นฝ่ายอธรรม[140] ต้นปี 2019 ได้เปิดศึกกับเอเจ สไตส์และได้แพ้ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 35[141] ในช่วงเดือนสิงหาคม 2019 ออร์ตันได้เปิดศึกท้าชิงแชมป์ WWE กับโคฟี คิงส์ตันถึง 2 ครั้งแต่ไม่สามารถคว้าได้ ก่อนจะถูกดราฟท์ไปอยู่รอว์หลังจากที่อยู่สแมคดาวน์มานานกว่า 3 ปี ในเรสเซิลเมเนีย ครั้งที่ 36แพ้ให้กับอดีตคู่แท็กทีมอย่างเอดจ์ในกติกา Last Man Standing match ก่อนจะคว้าชัยคืนได้ใน Greatest Wrestling Match Ever ที่ศึก Backlash 2020[142] ในเดือนสิงหาคม 2020 ได้เปิดศึกชิงแชมป์ WWE กับดรูว์ แม็กอินไทร์แต่ก็พลาดทั้ง SummerSlam[143] และ Clash of Champions(ในกติกาจับใส่รถพยาบาล Ambulance Match)[144] แต่ใน Hell in a Cell ออร์ตันก็สามารถคว้าแชมป์ WWE ได้อีกครั้งเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 14 ก่อนเสียคืนให้ดรูว์[145]

แหล่งที่มา

WikiPedia: แรนดี_ออร์ตัน http://www.news.com.au/heraldsun/story/0,21985,230... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2003/12/15/288... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2008/11/20/748... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2009/01/26/814... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/01/11/124... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/02/01/126... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/07/19/147... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2010/11/22/162... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2011/04/25/180... http://slam.canoe.ca/Slam/Wrestling/2013/10/27/212...