ประวัติ ของ แร็พเตอร์

จอนนี่ อันวา และ หลุยส์ สก๊อต เข้ามาเทรนเป็นศิลปินฝึกหัดในค่าย RS ในวัยเพียง 10-11 ปี ตลอดเวลาทำงานเพลงในวงการนาม Raptor มีผลงาน สตูดิโออัลบั้ม ออกมาทั้งหมด 4 อัลบั้ม ( 3 อัลบั้มแรกถูกดูแลและโปรดิวซ์โดย เสือ ธนพล อินทฤทธิ์ ศิลปิน โปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลงชื่อดังในค่าย) จุดเด่นของวงคือเป็นเด็กลูกครึ่ง 2 คน ที่อ่านภาษาไทยไม่ออก และเป็นศิลปินที่อายุน้อยที่สุดในวงการขณะนั้น แนวเพลง hiphop pop dance ผู้นำแฟชั่น กีฬา x tream กีฬาผาดโผด และเป็นที่มาของการนำ โรลเลอร์เบลด ขึ้นไปใช้แสดงบนเวทีคอนเสิร์ตหลายครั้ง ประกอบกับเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ของ จอนนี่ อันวา การร้องประสานและเอนเตอร์เทนของ หลุยส์ สก๊อต คอนเซ็ปต์อัลบั้ม ตัวเพลง ดนตรี และโคโรกราฟ ท่าเต้นที่แข็งแรง ทำให้ได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากนั้น MV หรือ มิวสิควิดิโอ ต่างๆของวงนี้ยังเป็นที่จดจำและได้รับความนิยมพูดถึงเช่นกัน

RAPTOR มีคอนเสิร์ตใหญ่ของตัวเองครั้งแรกตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี - จอนนี่ หลุยส์ ปรากฏตัวด้วยชุดมนุษย์หิน ฟลิ้นสโตน ในคอนเสิร์ตประจำปี ของ RS ที่ชื่อว่า RS Meeting Concert ตอน บุกเกาะอลเวงร้องเพลงหน้าบาน ปี 2537 ร่วมกับ เสือ ธนพล ( มีลิฟท์ - ออย เป็นแขกรับเชิญเพื่อเปิดตัวศิลปินหน้าใหม่ครั้งแรก) และ เคยปรากฏตัว 10 วินาที ในท้ายภาพยนตร์ของค่ายที่ขึ้นทำเนียบรายได้สูงสุดตอนนั้น อย่าง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว

ปี 2537 / 1994 อัลบั้มชุดแรกของ Raptor ออกวางจำหน่ายเมื่อเดือนสิงหาคม โดยคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มออกมาในรูปแบบใกล้เคียงกับวง Kris Kross ของสหรัฐอเมริกา โดยชื่อ "แร็พเตอร์" ได้มาจากไดโนเสาร์พันธุ์เวโลซีแรปเตอร์ ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง Jurassic Park ที่กำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก จากฉากที่ไดโนเสาร์พันธุ์นี้วิ่งไล่เด็ก ๆ ในเรื่อง [1] เพลงในอัลบั้มชุดแรกส่วนใหญ่จะเป็นการนำเพลงฮิตของศิลปินรุ่นพี่ที่ได้รับความนิยมมาเรียบเรียงและทำดนตรีใหม่โดยเพิ่มท่อนแร็พเข้าไป เช่น เพลง ซูเปอร์ฮีโร่ มาจากเพลง บอดี้การ์ด ของ สมชาย เข็มกลัด หรือ เพลง ลื่นมากเชื่อยาก มาจากเพลง ลื่น ของ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง นอกจากนี้ยังมีเพลงช้าที่แต่งใหม่มาอีก 2 เพลงคือ "คิดถึงเธอ" และ "คำว่าเพื่อน" ซึ่งบทเพลงเหล่านี้ได้กลายเป็นเหมือนภาพจำที่คนจะนึกถึงเมื่อพูดถึงแร็พเตอร์ในวัยเด็ก ในช่วงปีนี้ได้มีผลงานเพลงพิเศษ "อย่าคิดว่าเธอไม่มีใคร" ร่วมกับศิลปินกลุ่มแดนซ์ รุ่นพี่ HiJack

ปี 2539 / 1996 เป็นปีที่แร็พเตอร์ทำงานเพลงมากที่สุด ถึง 3 อัลบั้ม ในปีเดียว เริ่มต้นด้วย อัลบั้ม Superteensโปรเจกต์พิเศษรวมกับศิลปินรุ่นพี่ชื่อดังในค่าย ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง , เต๋า สมชาย , หนุ่ม ศรราม , บอยสเก๊าส์ , แซ้งค์ ปฏิวัติ , เจมส์เรืองศักดิ์ , ลิฟท์ออย และ นุ๊ก สุทธิดา เพลงของแร๊พเตอร์ "มากคนมากความ" เพลงเร็วที่ทั้งจอนนี่และหลุยส์ แต่งท่อนแร๊พภาษาอังกฤษเอง

อัลบั้มชุดที่ 2 Waab Boys โดยอัลบั้มชุดนี้ถือว่าเป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จที่สุดของแร็พเตอร์ ด้วยแนวเพลง เสื้อผ้าสีสันสะดุดตา แว่นตา สีผม ยอดขายเกิน 1 ล้านตลับ รางวัลมิวสิกวิดิโอยอดเยี่ยม เพลง ไม่แคร์ จาก MTV Asia Awards 1996

ถัดมาไม่นานในปีเดียวกัน แทนการเปลี่ยนปกฉลองล้านตลับ Raptor ออกอัลบั้มที่ 3 Day Shock ต่อทันที ด้านเสื้อผ้าและแฟชั่นยังล้ำสมัยต่อเนื่องจากอัลบั้มชุดที่แล้ว ในอัลบั้มนี้ได้นำเพลงสากลในอดีตกลับมาทำดนตรีใหม่ มีเพลงไทยที่แต่งขึ้นมาใหม่คือเพลง "แรงบันดาลใจ" เป็นเพลงที่ โก้ Mr. Saxman มาเป่าแซกโซโฟนให้ และมีท่อนฮุคภาษาอังกฤษผสมอยู่ในเนื้อเพลง + มีเพลง " อย่าพูดเลย ( underground version)" บรรจุอยู่ด้วย

ปี 2540 / 1997 ปลายปี แร็พเตอร์ ได้ออกอัลบั้มโปรเจกต์พิเศษอีกครั้ง หลังจาก Superteens คือ The Next ร่วมกับศิลปินทีนไอดอลอื่นในค่ายอีก 6 คน ซึ่งเป็นโปรเจกต์ร่วมกับทาง PepsiCo. ไทย สอดคล้องกับแคมเปญ "Pepsi Generation Next" ซึ่งเป็น 1 ในอัลบั้มสุดยอดทั้งกระแสและยอดขายเกิน 1 ล้านตลับ มีทัวร์คอนเสิร์ตใหญ่ที่กรุงเทพถึง 2 ครั้ง และออกทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ ซึ่งสำหรับแร็พเตอร์แล้ว ในอัลบั้มนี้ได้มีเพลงในตำนานของวัยรุ่นยุค 90s อย่างเพลง "เกรงใจ" กับท่าเต้นที่ถูกเรียกว่า "ท่าโหนรถเมล์" ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 20 ปี

ปี 2541 / 1998 แม้ว่ากำลังอยู่ในช่วงที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่ทั้งคู่ได้ตัดสินใจยุติวงแร็พเตอร์ ด้วยเหตุผลทางด้านการศึกษา โดยมีอัลบั้มส่งท้าย Goodbye แนวดนตรีมีกลิ่น R&B คอรัสเป็นคนผิวสี และอัลบั้มรวมเพลง The Memory เพิ่มเพลง ความทรงจำ ออกมาเป็นการอำลาอย่างถาวรตอนนั้นในนามศิลปินดูโอ้ ท่ามกลางความใจหายของแฟนเพลง

ปี 2554 / 2011 หลังจากอัลบั้มชุด The Memory ออกวางจำหน่าย และ คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ MBK Hall นานถึง 13 ปี ทั้งคู่ได้กลับมาทำงานร่วมกันรวมถึงประกาศจัดคอนเสิร์ตอีกครั้ง ใช้ชื่อว่า "RAPTOR 2011 The Concert" โดยจัดงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 ณ โรงภาพยนตร์กรุงศรี ไอแม็กซ์ เธียเตอร์ พารากอนซีนีเพล็กซ์ และทำการแสดง 2 รอบ (เพิ่มรอบการแสดง จากเดิมที่วางไว้ 1 รอบเท่านั้น ) ในวันที่ 1-2 ตุลาคม ปีเดียวกัน ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ สยามพารากอน - คอนเสิร์ตครั้งนี้สร้างปรากฏการณ์กระแสบัตรขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว เรียกร้องให้มีการเพิ่มรอบ กลายเป็นคอนเสิร์ต talk of the town ที่มีบรรดาคนดัง เซเลบบริตี้ ศิลปิน นักแสดง นางแบบ ทั่วทุกวงการตบเท้าเข้าชมคอนเสิร์ตครั้งนี้อย่างมากมาย และกลายเป็นตัวจุดกระแสศิลปินยุค 90s ให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง

ปี 2555 / 2012 ช่วงต้นปี ทาง RS ประกาศจัดคอนเสิร์ตใหญ่ของ Raptor อีกครั้ง ในชื่อ " Raptor 2012 Encore Concert" ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี เพราะทนกระแสเรียกร้องและผลตอบรับจากคอนเสิร์ตครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และทันที่ที่เปิดขายบัตร บัตรถูกขายหมดในเวลาเพียง 30 นาที ทำให้มีการเพิ่มรอบการแสดงในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน อีก 1 รอบ เป็น 2 รอบการแสดง [2]

ปี 2556 / 2013 แร็พเตอร์เป็นอีกหนึ่งศิลปินในคอนเสิร์ตอาร์เอสมีตติ้ง [[ RS Meeting Concert Return 2013 ]]ร่วมกับศิลปินอาร์เอสเช่น บาซู, เจมส์, บอยสเก๊าท์, ลิฟท์-ออย, ทัช และ อนัน อันวา[3]

ปี 2559 / 2016 วันที่ 6 มีนาคม Raptor มีคอนเสิร์ตใหญ่กับโปรเจกต์พิเศษที่เคยทำกับในอดีตคือ the next แต่ครั้งนี้มีการรวมศิลปินอีกโปรเจกต์นึงเข้ามาร่วมด้วยคือ the x venture ใช้ชื่อว่า "the next venture" คอนเสิร์ต ครั้งนี้ได้ชื่อว่าเป็นบัตรคอนเสิร์ตที่ราคาสูงที่สุดเท่าที่ RS เคยจัดมา คือบัตรที่แพงที่สุด ราคาสูงถึง 8,000 บาท

ปี 2562 /2019 Raptor กลับมาจัดคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง ในโอกาสครบรอบ 25 ปีของ Raptor ใช้ชื่อคอนเสิร์ต Raptor Evolution 25 ปี ไม่มีเกรงใจ วันที่ 7 กันยายน 2562 ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อบัตรถูก sold out ในเวลา 20 นาทีเท่านั้น ทำให้มีการเปิดรอบการแสดงเพิ่มในรอบ 14:00 / 19:00 ครั้งนี้มีแขกรับเชิญคือ กอล์ฟฟักกลิ้ง ฮีโร่ ,โต้ง ทูพี ,โดม ปกรณ์ ลัม และนุ่น รมิดา