ประวัติ ของ แอร์บัส_เอ310

ในระหว่างโครงการพัฒนาเครื่องบินรุ่น A300 ได้มีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ต่างๆ เกี่ยวกับขนาดของเครื่องบิน และความจุ จึงทำให้เกิดโครงการ A300B ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับขนาดที่เล็กลง ในช่วงที่มีการเปิดตัวต้นแบบของรุ่น A300B1 ขึ้น สายการบินต่างๆ ก็เรียกร้องให้มีความจุผู้โดยมากขึ้น จึงเป็นที่มาของการผลิตรุ่น A300B2 ขึ้นมา ในระว่างที่เครื่องบินรุ่น A300 นี้เริ่มเข้าประจำการ เป็นการแสดงให้เห็นอย่างสำคัญว่ายังสามารถทำการตลาดในส่วนของเครื่องบินขนาดเล็กกว่าได้ เนื่องจากสายการบินบางสายไม่ได้มีปริมาณผู้โดยสารมากพอที่จะใช้งานเครื่องรุ่น A300 หรือบางสายการบินต้องการเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน หรือบางสายการบินต้องการเครื่องบินที่มีอัตราต้นทุนต่อที่นั่งต่ำลง (โดยเฉพาะ สวิสแอร์ และ ลุฟต์ฮันซา

แอร์บัสได้พยายามลดค่าใช้จ่ายให้น้อยที่สุดในการวิจัยและพัฒนาเครื่องบิน A300 รุ่นเล็กกว่า โดยทำการศึกษาในหลายโครงการในระยะแรก โดยเรียกว่า A300B10MC (Minimum Change - เปลี่ยนแปลงที่น้อยที่สุด) โดยลดปริมาณความจุผู้โดยสารลงเหลือเพียง 220 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่สายการบินต่างๆ เรียกร้อง อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยนั้นทำให้ลำตัวเครื่องบินที่มีขนาดเล็กลงนั้น ยังมีขนาดของปีกที่ใหญ่เกินกว่าความจำเป็น รวมทั้งฐานล้อที่มีขนาดใหญ่เกิน ซึ่งจะทำให้เครื่องยนต์นั้นใช้แรงเกินความจำเป็นอันเนื่องมาจากน้ำหนัก

อีกหนึ่งปัญหาในสมัยนั้นคืออัตราเงินเฟ้อ ซึ่งในสหราชอาณาจักร ในช่วงปีค.ศ.​1979-1980 อยู่ที่ 35% ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลถึงราคาจำหน่ายของเครื่องบินที่สำเร็จ ในระหว่างโครงการพัฒนาของ A300 บริษัท Hawker Siddeley Aviation (HSA) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัญญาการผลิตส่วนปีกของเครื่องบิน ภายหลังที่รัฐบาลสหราชอาณาจักร ได้ถอนความร่วมมือจากแอร์บัสในปีค.ศ. 1969 HSA ได้ร่วมทุนกับอีกสามบริษัทในปีค.ศ. 1977 เพื่อก่อตั้งบริษัท British Aerospace (BAe) ขึ้น และทางรัฐบาลในช่วงนั้นก็ได้แสดงเจตจำนงค์ในการกลับมาเข้ารวมโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม บริติชแอร์เวย์ และโรลส์-รอยส์ ก็ยังไม่ยกเลิกความพยายามที่จะเข้าร่วมกับประเทศสหรัฐอเมริกา ในกรณีของบริติชแอร์เวย์นั้น ได้มีการสั่งซื้อเครื่องบินจากโบอิง ในรุ่น 7N7 และ 7X7 ซึ่งต่อมาคือ โบอิง 757 และ โบอิง 767 ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญจองเครื่องบินรุ่น A310 ที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงยังมีรุ่นที่สั่งคือ โบอิง 747 อีกด้วย ต่อมารัฐบาลฝรั่งเศสจึงเริ่มทำการเจรจาในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1976 โดยกล่าวถึงคำสั่งซื้อเครื่องบินของบริติชแอร์เวย์ นั้นเป็นเงื่อนไขสำคัญของการกลับเข้าร่วมในแอร์บัสของสหราชอาณาจักรในฐานะผู้ร่วมโครงการ ซึ่งในระหว่างการเจรจานั้น BAe ก็ได้มีการพูดคุยกับโบอิง และ แมคดอนเนลล์ดักลาส เพื่อประเมินถึงโอกาสในการเข้าร่วมกับโครงการต่างๆ ในอนาคต ถึงแม้ว่าลอร์ดเบสวิค ซึ่งเป็นประธานบริษัทได้พูดถึงจุดยืนของบริษัทที่จะสนับสนุนยุโรป ต่อมาในปีค.ศ. 1978 เอริค วาร์ลีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ประกาศว่าบริษัท BAe นั้นต้องการจะกลับเข้าร่วมกับแอร์บัสตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1979 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ BAe นั้นจะต้องย้ายหุ้นจำนวน 20% ของบริษัทเพื่อจ่ายให้กับแอร์บัส และจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเต็มในการพัฒนาและผลิตเครื่องบินรุ่น A310