โกลเดนโกล (
อังกฤษ: Golden goal) หรือ
กฎประตูทอง เป็นกติกาในกีฬา
ฟุตบอลไว้ตัดสินหาผู้ชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 30 นาที ใน
เกมที่ต้องตัดสินผลแพ้ชนะ และในเกมนั้นผลประตูเสมอกันในช่วงเวลาปกติ (90 นาที) ปัจจุบันกฎนี้ไม่ถูกใช้ในเกมการแข่งขันของ
ฟีฟ่าอีกต่อไปแล้วถ้าใช้กฎโกลเดนโกล ในช่วงหลังต่อ
เวลาพิเศษอีกครึ่งละ 15 นาทีนั้น ถ้าทีมไหนยิงประตูได้ก่อน ทีมนั้นจะเป็นผู้ชนะทันทีโดยไม่ต้องแข่งขันต่อ แต่ถ้ายังยิงประตูกันไม่ได้จนหมดเวลา ก็จะเข้าสู่ช่วง
ยิงลูกโทษเพื่อหาผู้ชนะกฎนี้ถูกคิดขึ้นโดย
ฟีฟ่าใน ค.ศ. 1993 โดยใช้แทนคำว่า ซัดเดน เดธ (sudden death) เนื่องจากมีความหมายที่ค่อนข้างไปในทางลบ กฎนี้ถูกใช้ครั้งแรกใน
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 และ
ฟุตบอลโลก 1998การแข่งขันครั้งแรกที่มีการยิงโกลเดนโกลคือ นัดระหว่าง
ออสเตรเลียกับ
อุรุกวัย ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1993 ในรอบก่อนรองชนะเลิศของการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนโลก สำหรับการแข่งขันสำคัญที่ตัดสินกันด้วยโกลเดนโกลคือรอบชิงชนะเลิศของ
ยูโร 1996 โดยครบ 90 นาทีเสมอที่ 1-1 ครั้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ
โอลิเวอร์ เบียร์ฮอฟฟ์ ผู้เล่นของ
เยอรมนี ได้ยิงโกลเดนโกลเอาชนะ
สาธารณรัฐเช็ก ไป 2-1
[1] คว้าแชมป์ไปครองกฎโกลเดนโกลมีจุดหมายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเล่นแบบรวดเร็วและชาญฉลาด และหลีกเลี่ยงการตัดสินด้วยจุดโทษ แต่ได้รับเสียงวิจารณ์ว่าทำให้ทีมเล่นฟุตบอลแบบเน้นการป้องกันมากขึ้น เพื่อลดโอกาสความพ่ายแพ้ส่วนใน
ประเทศไทย มีโกลเดนโกลเกิดขึ้นในการแข่งขัน
เอเชียนเกมส์ครั้งที่ 13 ในปี ค.ศ. 1998 ที่
กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพ ระหว่าง
ทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมนัดแรกของ
ปีเตอร์ วิธ กุนซือชาวอังกฤษคนแรก ซึ่งเจอกับ
ทีมชาติเกาหลีใต้ ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่สนาม
ราชมังคลากีฬาสถาน โดยครบ 90 นาทีเสมอที่ 1-1 ครั้นในช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 95
ดุสิต เฉลิมแสน เขี่ยฟรีคิกสั้นๆ ให้
ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล ยิงไกลแบบเต็มข้อเข้าไปเป็นโกลเดนโกลให้ไทยผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกด้วยการเอาชนะเกาหลีใต้ไปได้ 2-1
[2]ใน ค.ศ. 2002
ยูฟ่าได้นำกฎ
ซิลเวอร์โกลมาใช้แทน โดยจะคล้ายกับกฎโกลเด้นโกล แต่จะไม่หยุดเกมเมื่อมีทีมยิงประตูได้ โดยจะเล่นจนจบครึ่งแรกของการต่อเวลาพิเศษแทนในปี ค.ศ. 2004 ทาง
ฟีฟ่าได้ยกเลิกกฎโกลเดนโกลหลังจบการแข่งขัน
ฟุตบอลยูโร 2004 ที่
ประเทศโปรตุเกส