สโมสรอาชีพ ของ โกโล_ตูเร

อาร์เซนอล

ตูเร่ ย้ายมาค้าแข้งในศึกพรีเมียร์ชิพ อังกฤษ กับ "เดอะ กันเนอร์ส" ในเดือน ก.พ. ปี 2002 จาก เอเอสอีซี ไมโมเซส ด้วยค่าตัว 150,000 ปอนด์ (ราว 7.5 ล้านบาท) หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในช่วงการทดสอบฝีเท้า แต่ทว่ายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในถิ่น ไฮบิวรี่ ได้สำเร็จ จนกระทั่งในเดือน ส.ค. ปีเดียวกัน ก็ได้สวมเสื้อ "ปืนใหญ่" เป็นครั้งแรกในศึกฟุตบอลการกุศล คอมมูนิตี้ ชิลด์ กับ ลิเวอร์พูล โดยลงเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา เขายิงประตูแรกให้กับตัวเองในสีเสื้ออาร์เซนอล ได้ในนัดที่บุกไปเสมอ เชลซี 1-1 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

ในฤดูกาล 2003-04 อาร์แซน เวนเกอร์ โยกให้เขาเข้ามาเล่นเป็นเซนเตอร์ฮาล์ฟ โดยจับคู่กับ โซล แคมป์เบล์ ช่วยให้ต้นสังกัด อย่าง อาร์เซนอล ทำสถิติไม่แพ้กันติดต่อกันถึง 49 นัด ปีต่อมา ฤดูกาล 2004-05 กองหลังผิวสี รายนี้ สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของเมืองผู้ดีได้อย่างรวดเร็ว จนกระทั่งกลายมาเป็นหนึ่งในปราการหลังตัวกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ชิพ

ในฤดูกาล 2005-06 ตูเร่ ก็ถูกจับให้มาคู่กับ ฟิลิปป์ เซนเดอรอส ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง ซึ่งทั้งคู่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ อาร์เซนอล ทะลุเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก เป็นครั้งแรก ด้วยการสร้างสถิติที่เป็นสถิติของการแข่งขัน คือ ไม่เสียประตูนานติดต่อกันถึง 10 นัดรวด แต่น่าเสียดายที่พ่ายแพ้ให้กับ บาร์เซโลน่า ไป 1-2

ตูเร่ เปลี่ยนเบอร์เสื้อจากเบอร์ 28 มาเป็นเบอร์ 5 ในฤดูกาล 2006-07 หลังจากที่ มาร์ติน คีโอน ออกจากทีมไป เขาได้รับบทบาทกัปตันทีมอาร์เซนอลเป็นครั้งแรก ในนัดที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปได้ 6-3 ในฟุตบอลลีก คัพ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2007 ต่อมา เขาก็ได้รับความไว้วางใจจาก เวนเกอร์ ให้เป็นกัปตันทีมอีกหลายครั้ง และในวันที่ 13 เมษายน 2009 ตูเร่ มีปัญหาไม่ลงรอยกับ วิลเลี่ยม กัลลาส เพื่อนร่วมทีม ทำให้เขาขอขึ้นบัญชีย้ายออกจากสโมสร แต่หลังจากการได้พูดคุยกับ ปีเตอร์ ฮิลล์-วู๊ด ประธานสโมสรของอาร์เซนอล ทำให้เขาตัดสินใจอยู่กับทีมต่อไปจนจบฤดูกาล

แมนเชสเตอร์ซิตี

หลังจากที่มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการย้ายทีมของตูเร่ สุดท้ายก็เป็นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยื่นข้อเสนอจำนวน 14 ล้านปอนด์(ราว 700 ล้านบาท) ให้กับอาร์เซนอล เพื่อดึงตัวเขามาสู่ถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2009 เซ็นสัญญากันเป็นเวลา 4 ปี โดย มาร์ค ฮิวจส์ กุนซือของ "เรือใบสีฟ้า" ในเวลานั้น ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นกัปตันทีม และเขายิงประตูแรกให้กับ แมนฯ ซิตี้ ได้ในการแข่งขันฟุตบอลลีก คัพ นัดที่เฉือนชนะ ฟูแล่ม 2-1 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2009 ต่อมา ตูเร่ ได้ลงเล่นร่วมทีมเดียวกันกับน้องชายของเขา เมื่อแมนฯ ซิตี้ ซื้อตัว ยายา ตูเร่ มาร่วมทีม ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2010

ในฤดูกาล 2010-11 โรแบร์โต้ มันชินี่ นายใหญ่ของแมนฯ ซิตี้ ในตอนนั้น ได้ยึดปลอกแขนกัปตันทีมคืนจาก ตูเร่ และแต่งตั้งให้ คาร์ลอส เตเบซ นักเตะชาวอาร์เจนไตน์ เป็นกัปตันแทน แต่เขาก็ยังคงอยู่ในแผนการทำทีมของ มันชินี่ และเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2011 มีรายงานเปิดเผยว่า ตูเร่ ไม่ผ่านการทดสอบยาเสพติด ทำให้เขาถูกแบนจากการแข่งขันฟุตบอลเป็นเวลา 6 เดือน ต่อมาในฤดูกาล 2011-12 ตูเร่ ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับทีม "เรือใบสีฟ้า" ในลีก ทั้งหมด 14 นัด และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี

ลิเวอร์พูล

ในวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 ตูเร ได้ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ซิตี มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล โดย ตูเร ได้เซ็นสัญญา 2 ปี และสวมเสื้อหมายเลข 4

ในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ตูเรต่อสัญญาฉบับใหม่กับสโมสรลิเวอร์พูลเวลา 1 ปี[3] ต่อมา ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ตูเรทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล โดย จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เปิดลูกเตะมุมให้ตูเรโหม่งประตูที่หกเข้าไป ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แอสตันวิลลา ที่วิลลาพาร์ก 6-0 และเป็นประตูแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2011[4] [5]

แหล่งที่มา

WikiPedia: โกโล_ตูเร http://www.cafonline.com/userfiles/file/Comp/CAN20... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/k... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/r... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/t... http://thailand.liverpoolfc.com/news/this-is-lfc-t... http://www.liverpoolfc.com/team/first-team/player/... http://www.national-football-teams.com/v2/player.p... http://www.soccerbase.com/players_details.sd?playe... http://www.mcfc.co.uk/Players/Defenders/Kolo-Toure https://www.national-football-teams.com/player/Kol...