โจนี มิตเชลล์ (
อังกฤษ: Joni Mitchell), CC เกิดเมื่อวันที่
7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1943 เป็นนักดนตรี นักร้อง นักแต่งเพลง และ
จิตรกรชาวแคนาดา
[1]มิตเชลล์เริ่มร้องเพลงใน
ไนต์คลับเล็ก ๆ ในแถบตะวันตกของ
แคนาดาจากนั้นแสดงดนตรีในที่สาธารณะตามท้องถนนใน
โตรอนโต กลางทศวรรษ 1960 เธอออกจากเมืองไป
นิวยอร์กซิตีที่เต็มไปด้วยเพลงโฟล์ก บันทึกเสียงอัลบั้มแรกในปี 1968 และประสบความสำเร็จครั้งแรกในฐานะนักแต่งเพลง ("Urge for Going", "Chelsea Morning", "Both Sides Now", "Woodstock") และเธอก็ก้าวมาเป็นนักร้อง
[2] จากนั้นมาตั้งรกรากทางใต้ของแคลิฟอร์เนีย มิตเชลล์ถือเป็นบุคคลสำคัญของดนตรีแนว
โฟล์กร็อก อัลบั้ม Blue ในปี 1971 ถือเป็นผลงานที่แข็งแรงและมีอิทธิพลที่สุดอัลบั้มหนึ่ง
[3] มิตเชลล์มีผลงานเพลงป็อปเช่นกัน อย่างเช่นเพลงดัง "Big Yellow Taxi", "Free Man in Paris" และ "Help Me" สองเพลงหลังจากอัลบั้มขายดีที่สุดในปี 1974 ชุด Court and Spark
[4]มิตเชลล์มีเสียงแบบ
โซปราโน กับสไตล์กีตาร์ที่กลมกลืนเด่นชัด และการเรียบเรียง
เปียโน ที่ประสานกันอย่างซับซ้อน ผ่านแนวเพลงสไตล์ยุค 70 ที่เธอได้รับอิทธิพลจากเพลงแจ๊สอย่างมาก ผสมผสานกับเพลง
ป็อป โฟล์กและ
ร็อก อย่างเช่นในผลงานชุดทดลองอย่าง Hejira ในปี 1976 เธอยังร่วมทำงานกับศิลปินแจ๊สอย่าง เวย์น ชอร์เตอร์, เจโค พาสโทเรียส,
เฮอร์บีย์ แฮนค็อก และชาร์ลส มินกัส
[5] จากทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา มิตเชลล์เริ่มมีผลานบันทึกเสียงและออกทัวร์น้อยลง เนื่องจากเธอหันหลังให้กับเพลงป็อป โดยจะทำผลงานที่ดียิ่งขึ้นโดยใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงและมีเนื้อหาทักท้วงการเมืองในเนื้อเพลง ที่มักเอ่ยอ้างถึงสังคมผู้ชายและประเด็นสิ่งแวดล้อม ร่วมกับเนื้อหาความรักและอารมณ์งานของมิตเชลล์เป็นที่ยอมรับทั้งกับนักวิจารณ์และนักดนตรี
นิตยสารโรลลิงสโตน เรียกเธอว่า "หนึ่งในนักเขียนเพลงที่ดีที่สุด"
[6] ขณะที่
ออลมิวสิก พูดว่า "เมื่อธุลีเกิดขึ้น โจนี มิตเชลล์จะยืนเป็นสิ่งสำคัญและมีอิทธิพลให้กับศิลปินหญิงในปลายศตวรรษที่ 20"
[7] ในช่วงสิ้นสุดศตวรรษ มิตเชลล์มีอิทธิพลให้กับศิลปินหลากหลายแนวเพลงตั้งแต่
อาร์แอนด์บีไปถึง
อัลเทอร์เนทีฟร็อกจนถึง
แจ๊ส[8] มิตเชลล์ ยังเป็นจิตรกร เธอสร้างสรรค์ผลงานศิลปินบนปกอัลบั้มของเธอเอง และในปี 2000 เธออธิบายตัวเองไว้ว่า "จิตรกรบังเอิญโดยสภาวะแวดล้อม"
[9] เธอหยุดการทำงานเพลงหลายปี โดยมุ่งเน้นไปที่งานจิตรกรรม แต่ปี 2007 เธอออกผลงานอัลบั้มชุด Shine ถือเป็นผลงานอัลบั้มแรกในรอบ 9 ปี