การครองราชย์ ของ โจฮอง

เนื่องจากเฉา ฟาง ขึ้นครองราชย์ขณะทรงพระเยาว์ รัชกาลของเฉา ฟาง จึงดำเนินไปผ่านคณะผู้สำเร็จราชการที่ประกอบด้วยเฉา ฉฺว่าง กับซือหม่า อี้ กระทั่งซือหม่า อี้ ยึดอำนาจทางการเมืองจากเฉา ฉฺวั่ง ได้ใน ค.ศ. 249 ซือหม่า อี้ จึงได้สำเร็จราชการแต่ผู้เดียว ครั้นซือหม่า อี้ เสียชีวิตใน ค.ศ. 251 ซือหม่า ชือ บุตรของซือหม่า อี้ ก็เข้าสืบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการต่อ จักรพรรดิเฉา ฟาง ทรงพยายามจะนำอำนาจปกครองกลับคืนมาจากผู้สำเร็จราชการ แต่ไม่สำเร็จ และซือหม่า ชือ ถอดจักรพรรดิเฉา ฟาง ออกจากราชสมบัติ

ช่วงแรก เฉา ฉฺว่าง กับซือหม่า อี้ บริหารอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการร่วมกัน แต่ภายหลัง เฉา ฉฺว่าง พยายามถอดซือหม่า อี้ ออกจากอำนาจ โดยให้ซือหม่า อี้ ไปดำรงตำแหน่งชั้นสูงที่มีอำนาจแต่ในนามแทน เฉา ฉฺว่าง จึงได้ใช้อำนาจผู้สำเร็จราชการแต่ผู้เดียว และตั้งคนสนิทของตน เช่น เติ้ง หยาง (鄧颺), หลี่ เชิ่ง (李勝), เหอ ย่าน (何晏), และติง มี่ (丁謐) ขึ้นเป็นขุนนางผู้ใหญ่

ระหว่างนั้น ใน ค.ศ. 243 จักรพรรดิเฉา ฟาง เสกสมรสกับเจินชื่อ (甄氏; แปลว่า "นางเจิน") หลานสาวของเจิน หย่าน (甄儼) พระอนุชาของเจินโฮ่ว (甄后) พระอัยยิกาของเฉา ฟาง เจินชื่อได้รับแต่งตั้งเป็นพระมเหสีเรียก หฺวายหฺวังโฮ่ว (懷皇后)

ใน ค.ศ. 244 เฉา ฉฺว่าง นำทัพไปตีฮั่นจง (漢中; ฮกเกี้ยน: ฮันต๋ง) เมืองชายแดนของรัฐฉู่ฮั่น (蜀漢; ฮกเกี้ยน: จ๊กฮั่น) แม้ผลการรบจะไม่แพ้ไม่ชนะ แต่กองทัพของเฉา ฉฺว่าง ประสบความสูญเสียอย่างหนัก ประกอบกับขาดเสบียง จึงต้องถอยกลับไป แม้จะไม่สามารถมีชัยในสมรภูมิได้ดังหวัง แต่เฉา ฉฺว่าง ก็ยังมีอำนาจมั่นคงในฐานะผู้สำเร็จราชการต่อไป

ครั้น ค.ศ. 247 ซือหม่า อี้ ลาออกจากราชการ อ้างเหตุป่วย

ใน ค.ศ. 249 ขณะที่จักรพรรดิเฉา ฟาง กับผู้สำเร็จราชการเฉา ฉฺว่าง ออกนอกพระนครลั่วหยาง (洛阳; ฮกเกี้ยน: ลกเอี๋ยง) ไปยังสุสานเกาผิง (高平陵) เพื่อเซ่นไหว้พระศพของจักรพรรดิเฉา รุ่ย นั้น ซือหม่า อี้ ระดมกำลังกลุ่มผู้ต่อต้านเฉา ฉฺว่าง เข้ายึดพระนคร แล้วอ้างพระเสาวนีย์ของกัวหฺวังโฮ่ว (郭皇后) พระมเหสีของจักรพรรดิเฉา รุ่ย ออกประกาศประณามเฉา ฉฺว่าง ว่า ฉ้อราษฎร์บังหลวง และเรียกร้องให้ถอดเฉา ฉฺว่าง กับญาติพี่น้อง ออกจากอำนาจ เฉา ฉฺว่าง ยอมคืนอำนาจเมื่อซือหม่า อี้ สัญญาว่า จะให้เฉา ฉฺว่าง คงอยู่ในบรรดาศักดิ์ตามเดิม แต่ไม่ช้าหลังได้อำนาจจากเฉา ฉฺว่าง แล้ว ซือหม่า อี้ ก็ให้ประหารเฉา ฉฺว่าง ทั้งโคตรด้วยข้อหากบฏ ทำให้ซือหม่า อี้ ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแต่ผู้เดียว เหตุการณ์นี้เรียกว่า อุบัติการณ์ที่สุสานเกาผิง (高平陵之變)

เมื่อได้อำนาจแล้ว ซือหม่า อี้ ก็ใช้อำนาจนั้นขจัดคู่แข่งทางการเมืองจนสิ้น กลุ่มผู้สนับสนุนซือหม่า อี้ บีบให้จักรพรรดิเฉา ฟาง ประทานบำเหน็จเก้าอย่าง (九錫) ให้แก่ซือหม่า อี้ แต่ซือหม่า อี้ ทำทีปฏิเสธ นอกจากนี้ ซือหม่า อี้ ยังใช้อำนาจปราบปรามการทุจริตในวงราชการ และเกื้อหนุนขุนนางสุจริตหลายคน ทำให้ระบบราชการสะอาดขึ้นกว่ายุคเฉา ฉฺว่าง

ใน ค.ศ. 249 นั้นเอง หวัง หลิง (王淩) ผู้ปกครองเมืองโช่วชุน (壽春) พยายามยึดอำนาจจากซือหม่า อี้ แต่ไม่สำเร็จ เพราะลูกน้อง คือ หฺวัง หฺวา (黃華) กับหยาง หง (楊弘) นำแผนการมาแถลงแก่ซือหม่า อี้ ทำให้ซือหม่า อี้ ยกทัพไปยึดเมืองโช่วชุนได้ก่อนที่หวัง หลิง จะดำเนินการสำเร็จ ซือหม่า อี้ สัญญาจะอภัยโทษให้หวัง หลิง ทำให้หวัง หลิง ยอมจำนน แต่ภายหลัง ก็บีบให้หวัง หลิง ฆ่าตัวตาย ทั้งประหารครอบครัวกับบริวารของหวัง หลิง ทั้งสิ้น

ปีเดียวกันนั้น ซือหม่า อี้ ถึงแก่กรรม บุตรชาย คือ ซือหม่า ชื่อ จึงสืบอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทนจักรพรรดิเฉา ฟาง