พระราชประวัติ ของ โซเฟียแห่งมินสก์

ชาติกำเนิด

โซเฟียทรงเป็นธิดาในเจ้าหญิงริเชซาแห่งโปแลนด์ สมเด็จพระพันปีหลวงแห่งสวีเดนจากการเสกสมรสครั้งที่สองกับบุรุษที่มีนามว่า "วาลาดอร์" หรือ "โวโลดาร์" กษัตริย์แห่งดินแดนโปโลสก์ แต่ถึงกระนั้นตัวตนของพระราชชนกของโซเฟียก็ยังไม่แน่ชัด

วัยเยาว์

โซเฟียทรงใช้พระชนม์ชีพวัยเยาว์ในเดนมาร์ก ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระชนนีของพระองค์ประทับในช่วงที่เสกสมรสครั้งแรกกับเจ้าชายเดนมาร์กซึ่งได้ครองบัลลังก์สวีเดน และต่อมาพระนางริเชซาทรงพาพระราชธิดากลับมายังเดนมาร์กอีกครั้งเมื่อการเสกสมรสกับโวโลดาร์สิ้นสุดลง โซเฟียทรงเป็นพระขนิษฐาต่างพระชนกกับพระเจ้าคนุดที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งเป็นพระโอรสที่ประสูติแต่พระสวามีองค์แรกของพระนางริเชซา คนุตได้เป็นกษัตริย์แห่งเดนมาร์กในปีค.ศ. 1146 โซเฟียและสมเด็จพระพันปีหลวงริเชซาจึงประทับในราชสำนักของกษัตริย์คนุดที่ 5

ราวปีค.ศ. 1149 พระราชชนนีของโซเฟียได้อภิเษกสมรสใหม่กับพระเจ้าสแวร์เกอที่ 1 แห่งสวีเดน เป็นการอภิเษกสมรสครั้งที่สาม พระนางจึงได้เป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสวีเดนอีกครั้ง จึงทรงพาพระราชธิดาโซเฟียไปประทับที่สวีเดน โซเฟียจึงทรงเติบโตในสวีเดน

สมเด็จพระราชินี

ในปีค.ศ. 1154 ขณะมีพระชนมายุราว 14 พรรษา โซเฟียแห่งมินสก์ได้หมั้นกับพระเจ้าวัลเดมาร์ที่ 1 แห่งเดนมาร์ก ซึ่งขณะนั้นเดนมาร์กมีกษัตริย์สามพระองค์พร้อมกันชิงบัลลังก์คือ กษัตริย์วัลเดมาร์ กษัตริย์คนุตที่ 5 และพระเจ้าสเวนที่ 3 แห่งเดนมาร์ก การหมั้นจึงเป็นการสร้างสัญลักษณ์พันธมิตรระหว่างเดนมาร์กและสวีเดน ในช่วงนั้นมีการบรรยายว่าโซเฟียเป็นเด็กสาวที่ทรงสิริโฉม[1] ในสนธิสัญญาการอภิเษกสมรส ได้ให้การรับรองสิทธิของโซเฟียในการครอบครองทรัพย์สมบัติในเดนมาร์กจำนวนหนึ่งในแปดของพระราชทรัพย์กษัตริย์คนุดที่ 5 ผู้เป็นพระเชษฐา[1]

โซเฟียเสด็จออกจาสวีเดนไปยังเดนมาร์ก หลังจากมีการหมั้นเรียบร้อยในปีค.ศ. 1154 แต่พระนางก็ไม่ทรงมีพระชนมายุมากพอที่จะเข้าพิธีเสกสมรสตามธรรมเนียมของนอร์ดิก พระนางจึงต้องประทับอยู่กับมารดาอุปถัมภ์ที่ชื่อว่า บอดิล จนกว่าพระนางจะมีพระชนมายุมากเพียงพอที่จะประทับอยู่ร่วมกับกษัตริย์วัลเดมาร์[1]

พระราชพิธีอภิเษกสมรสของกษัตริย์วัลเดมาร์และโซเฟียถูกจัดขึ้นที่เมืองวีบอร์ก ในปีค.ศ. 1157 คือสามปีต่อมา พระนางจึงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งเดนมาร์ก

ปูนพลาสเตอร์ที่หล่อกระโหลกพระเศียรของพระนาง

ในปีค.ศ. 1157 กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ตัดสินใจที่จะแบ่งประเทศออกเป็นสามราชอาณาจักร กษัตริย์สเวนที่ 3 ได้ทำการจัดงานเลี้ยงขึ้นที่รอสคิลด์ในวันที่ 9 สิงหาคม เพื่อเชิญกษัตริย์คนุดที่ 5 พระเชษฐาของสมเด็จพระราชินีโซเฟียและกษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 1 พระสวามีของพระนางโซเฟียมาร่วมงานเพื่อเจรจาสันติภาพ กษัตริย์วัลเดมาร์เสด็จมาพร้อมกับอับซาลอน ที่ปรึกษาคนสนิท แต่ในความเป็นจริงแล้วกษัตริย์สเวนที่ 3 ทรงตั้งพระทัยที่จะใช้งานเลี้ยงนี้สังหารกษัตริย์ทั้งสอง กษัตริย์คนุดที่ 5 ถูกปลงพระชนม์ในงานเลี้ยงโดยทหารของกษัตริย์สเวน ส่วนกษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 1 และอับซาลอนสามารถหลบหนีไปได้ เหตุการณ์นี้ถูกเรียกว่า "งานเลี้ยงเลือดที่รอสคิลด์" (Bloodfeast of Roskilde) กษัตริย์วัลเดมาร์ทรงหลบหนีกลับคาบสมุทรจัตแลนด์ได้ กษัตริย์สเวนจึงรีบระดมกองทัพรุกรานคาบสมุทรจัตแลนด์ทันที ยุทธการกราเธอฮีทเกิดขึ้นในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1157 และเป็นจุดจบของสงครามกลางเมืองเดนมาร์ก กษัตริย์สเวนที่ 3 สวรรคตในสนามรบ โดยพระองค์ถูกปลงพระชนม์โดยเหล่าชาวนาราษฎรของกษัตริย์วัลเดมาร์ ที่จับกุมพระองค์และสังหารเสียขณะที่ทรงหลบหนีออกจากสมรภูมิและม้าของพระองค์ติดอยู่ในพรุ จากเหตุการณ์นี้กษัตริย์วัลเดมาร์ทรงมีพระชนม์ชีพยืนยาวกว่าศัตรูผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์ทุกคน จึงทำให้พระองค์เป็นกษัตริย์แห่งเดนมาร์กเพียงพระองค์เดียว ว่ากันว่าสมเด็จพระราชินีโซเฟียทรงทูลยุยงให้พระสวามีแก้แค้นกษัตริย์สเวนที่สังหารพระเชษฐาของพระนาง[2]

มีบันทึกว่าสมเด็จพระราชินีโซเฟียเป็นสตรีที่ทรงพระสิริโฉม ทรงมีพระอำนาจเหนือกษัตริย์และมีอุปนิสัยโหดเหี้ยม ตามพงศาวดารดั้งเดิมระบุว่า สมเด็จพระราชินีทรงสั่งสังหาร ฟรีลี โทเว พระสนมในกษัตริย์วัลเดมาร์ และทรงทำร้าย เคิร์ชเทน ขนิษฐาของกษัตริย์จนบาดเจ็บ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีการยืนยันตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์[3]

กษัตริย์วัลเดมาร์ที่ 1 สวรรคตที่ปราสาทวอร์ดิงบอร์ก ในวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1182 ขณะมีพระชนมายุ 51 พรรษา พระเจ้าคนุดที่ 6 แห่งเดนมาร์ก พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระองค์ได้สืบราชบัลลังก์ต่อ ทำให้พระนางกลายเป็นสมเด็จพระพันปีหลวงแห่งเดนมาร์ก

บั้นหลายพระชนม์ชีพ

ขณะทรงเป็นสมเด็จพระพันปีหลวง พระนางโซเฟียทรงตอบรับคำขอเสกสมรสจากลุดวิกที่ 3 แลนด์เกรฟแห่งทือริงเงิน ในราวปีค.ศ. 1184 พระนางได้โดยเสด็จมาที่ชายแดนโดยมีกษัตริย์ผู้เป็นพระราชโอรสนำเสด็จพระราชชนนีพร้อมขบวนติดตามอย่างยิ่งใหญ่

ลุดวิกที่ 3 สิ้นพระชนม์ในปีค.ศ. 1190 พระนางโซเฟียจึงถูกละทิ้งจากราชสำนักทือริงเงิน พระนางจึงเสด็จกลับเดนมาร์ก

สมเด็จพระพันปีหลวงโซเฟียสิ้นพระชนม์ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1198 สิริพระชนมายุราว 58 พรรษา

ใกล้เคียง

โซเฟีย มักดาลีนาแห่งเดนมาร์ก โซเฟีย โซเฟียที่หนึ่ง เจ้าหญิงมือใหม่ โซเฟีย คอปโปลา โซเฟียแห่งเดนมาร์ก โซเฟีย ลอเรน โซเฟียแห่งมินสก์ โซเฟีย (หุ่นยนต์) โซเฟีย ไมลส์ โซเฟีย ยาเกียลลองกา