ประวัติ ของ โดชคอยน์

โดชคอยน์ถูกสร้างโดยโปรแกรมเมอร์ชื่อบิลลี่ มาร์คัส(Billy Markus) จาก Portland, Oregon ในตอนเริ่มต้นนั้นบิลลี่ต้องการสร้างสกุลเงินดิจิตอลที่ตลกเพื่อที่จะเข้าถึงคนส่วนใหญ่ได้มากกว่าบิตคอยน์ (Bitcoin) นอกจากนี้เขายังต้องการใหโดชคอยน์มีความรู้สึกแตกต่างจากบิตคอยน์ ที่ในขณะนั้นมีภาพลักษณ์ไม่ดีจากการที่เข้าไปเป็นสกุลเงินกลางที่ใช้ในการซื้อขายใน Silk Road ตลาดยาเสพติดออนไลน์ในขณะนั้น[17] ประจวบเหมาะกับในขณะนั้นเจ็คสัน พามเมอร์ (Jackson Palmer)ผู้ร่วมสร้างโดชคอย์นอีกคนถูกนักศึกษาจาก Front Range Community College สนับสนุนให้สร้างความคิดให้เป็นจริง[18]

หลังจากที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายคนบน Twitter พามเมอร์ได้ซื้อโดเมนในชื่อ dogecoin.com และเริ่มใส่ข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับโดชคอยน์ซึ่งมีทั้งโลโก้และคำที่กระจายไปอยู่ทั่วทั้งเว็บไซต์ด้วยฟอร์น Comic Sans หลังจากมาร์คัสได้เห็นเว็บไซต์ที่พามเมอร์ได้สร้างขึ้นผ่านทางห้องแชตบน IRC เขาได้ติดต่อพูดคุยกับพามเมอร์แล้วเริ่มต้นที่จะเริ่มสร้างโดชคอยน์ขึ้นมา มาร์คัสได้สร้างโดชคอยน์จากโค้ตของสกุลเงินอื่นที่มีอยู่แล้วนั่นคือ Luckycoin [19]ที่ใช้หลักการสุ่มจำนวนเหรียญที่ได้รับจากการไมนิงในแต่ละบล็อก ถึงแม้ว่าหลังจากนี้วิธีการสุ่มแบบนี้ได้ถูกเปลี่ยนไปในภายหลังในเดือนมีนาคมปี 2014 ก็ตาม Luckycoin นั้นเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ถูกพัฒนาต่อมาจาก Litecoin[20] ที่ใช้ scrypt เป็นการอัลกอริทึมในการ "ตรวจสอบงาน" (proof-of-work) ในการใช้ scrypt นั้นทำให้ไมเนอร์ (miner) ไม่สามารถใช้ฮาร์ดแวร์แบบ SHA-256 ที่ใช้ในการไมนิง Bitcoin ได้ ซึ่งทำให้อุปกรณ์แบบ FPGA และ ASIC ที่ใช้ในการไมนิงเหรียญแบบ scrypt สร้างได้ยากขึ้น โดชคอยน์ได้รับการประกาศใช้ในวันที่ 8 ธันวาคม ค.ศ. 2013[21][22] ในตอนแรกนั้นเครือข่ายของโดชคอยน์ได้ถูกออกแบบไว้ให้สร้างเหรียญทั้งหมด 100 พันล้านโดชคอยน์ แต่ในภายหลังได้มีการประกาศว่าเครือข่ายของโดชคอยน์จะสร้างเหรียญออกมาไม่มีจำนวนจำกัด[23][24][25]

ในวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 2013 ราคาของโดชคอยน์พุ่งสูงขึ้นเกือบ 300 เปอร์เซ็นต์ภายใน 72 ชั่วโมง จาก USD$0.00026 to $0.00095,[26] ซึ่งคิดเป็นประมาณหลายร้อยโดชคอย์นต่อวัน[27] ซึ่งในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ประเทศจีนกำลังพิจารณาที่จะห้ามไม่ให้ธนาคารภายในประเทศใช้ Chinese Yuan มาลงทุนใน Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆ[20] ภายหลังจากนั้น 3 วัน ราคาของโดชคอยน์ได้ตกลงอย่างมากโดยคิดเป็น 80 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าเดิม ซึ่งเกิดจากแรงขายเพื่อทำกำไรของไมนิงพูล (mining pools) ขนาดใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการไมนิงโดชคอยน์ในตอนนั้นซึ่งสามารถใช้คอมพิวเตอร์ที่มีกำลังไม่มากในการไมนิงโดชคอยน์ได้[28]

ในวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2013 ธนาคารแห่งชาติของประเทศอินเดียได้เตือนนักลงทุนในโดชคอยน์และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆให้ระวังความเสี่ยงที่ทำการซื้อขายค่าเงินดังกล่าว[29] ในวันถัดมาวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2013 ซึ่งเป็นวันคริสมาสต์ การโจรกรรมครั้งใหญ่ครั้งแรกได้เกิดขึ้นกับโดชคอยน์ เมื่อแฮกเกอร์ได้ขโมยโดชคอยน์จำนวนหลายล้านเหรียญจากเว็บไซต์กระเป๋าสตางค์ออนไลน์ของโดชคอยน์ (Dogewallet)[30] โดยแฮกเกอร์ได้เข้าถึงไฟล์ระบบของเว็บไซต์กระเป๋าสตางค์ออนไลน์ดังกล่าวและทำการแก้ไขหน้ารับ/ส่งโดชคอยน์ของเว็บไซต์ให้ทำการส่งเงินที่มีอยู่ทั้งหมดไปยังที่อยู่ของแฮกเกอร์[31][32] ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้โดชคอยน์เป็นสกุลเงินดิจิตอลทางเลือกที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดใน Twitter ในขณะนั้น[33] เพื่อที่จะทำการช่วยเหลือคนที่ถูกขโมยเหรียญไปบน Dogewallet ทางชุมชนโดชคอยน์ได้ริเริ่มโครงการ "SaveDogemas" เพื่อรับบริจาคโดชคอยน์สำหรับคนที่ถูกขโมยเงินไป เพียงแค่เวลาประมาณหนึ่งเดือน เงินที่ได้รับจากการบริจาคก็เพียงพอที่จะจ่ายคืนให้กับผู้ที่สูยเสียเหรียญไป[34] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2014 จำนวนการซื้อขายของโดชคอยน์ก็ได้สูงกว่าของ Bitcoin และสกุลเงินดิจิตอลอื่นๆรวมกัน[35] แม่แบบ:ในวันที่ ตลาดของโดชคอยน์มีมูลค่ากว่า USD$81 million[36]

แหล่งที่มา

WikiPedia: โดชคอยน์ http://www.smh.com.au/technology/technology-news/t... http://99bitcoins.com/please-not-another-coin/ http://arstechnica.com/business/2014/02/dogecoin-t... http://bitcoinmagazine.com/9109/will-dogecoin-repl... http://bter.com http://www.businessinsider.com/dogecoin-crashed-th... http://www.businessinsider.com/dogecoin-jamaican-b... http://www.businessinsider.com/what-is-dogecoin-20... http://edition.cnn.com/2014/04/24/tech/web/nascar-... http://www.cnn.com/2014/02/26/tech/innovation/doge...