ข้อมูลสมาชิก ของ โฟร์กอตเทน

ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล (เตอร์)

เตอร์ เป็นนักร้องที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่แหบห้าว รอยยิ้มกว้างจริงใจของเขาอยู่เสมอ เป็นที่จดจำของทุกคน

  • ปี 2541 เตอร์ มีอัลบั้มแรก "หิน ผา กา ดาบ" เป็นอัลบั้มที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง มีซิงเกิ้ลฮิตหลายเพลงอาทิ "เจ้าทุยอยู่ไหน" ซิงเกิ้ลแรกที่เป็นเพลงร็อกสนุกๆมันส์ๆจนทุกคนร้องกันติดปาก ส่วนเพลงช้าที่เป็นที่ชื่นชอบก็มีอย่าง "ตั้งแต่มีเธอ", "ให้ฟ้าผ่าเธอ" และ "อยากไปไหนก็ไป"เป็นต้น นอกจากนี้ในอัลบั้มนี้ เตอร์ ยังแต่งเพลงภาษาอังกฤษ "An Angel In My Life"(แอน เอนเจิล อิน มาย ไลฟ์) เอาไว้อีกด้วย
  • ปี 2542 เตอร์ กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มที่สอง "Magic Peter" (แมจิก ปีเตอร์) อัลบั้มนี้ เตอร์ ยังคงประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับอัลบั้มแรกโดยมีซิงเกิ้ลฮิต อาทิ "อยากเกิดเป็นเธอ" และ "ตัวประหลาด" เป็นต้น
  • ปี 2543 อัลบั้มที่สาม "X-Ray" (เอกซ์-เรย์) ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มคือ "จะรักกันนานเท่าไหร่ (I love you)" เป็นเพลงที่แฟนเพลงให้การต้อนรับมากที่สุดจากอัลบั้มนี้
  • ปี 2545 เตอร์ มีอัลบั้มที่สี่ออกมาชื่อ "Version 4.0" (เวอร์ชัน โฟร์) อัลบั้มนี้ออกมาในสไตล์ป็อป-ร็อก โดยได้ โสฬส ปุณกะบุตร โปรดิวเซอร์ที่มากด้วยประสบการณ์มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้ และมีกอล์ฟ-รุ่งโรจน์ ผลหว้า (มือเบส Y Not 7- วายน็อตเซเว่น) มารับหน้าที่โค-โปรดิวเซอร์ ช่วยทำให้อัลบั้มมีความเข้มข้นของดนตรีมากขึ้น แต่ยังคงความนุ่มนวลลงตัวเหมือนเช่นทั้งสามอัลบั้มที่ผ่านมา
  • ปี 2546 อัลบั้ม "Romantic Peter" (โรแมนติก ปีเตอร์) ออกวางจำหน่าย อัลบั้มนี้เป็นการรวมเพลงจากทั้งสี่อัลบั้ม และเพลงประกอบละครที่ เตอร์ เคยร้อง อย่างเช่น เพลง "กุมภาพันธ์" เพลงประกอบภาพยนตร์ เรื่องกุมภาพันธ์, เพลง "ฉันไม่มีสิทธิ์" เพลงประกอบละคร เรื่อง ชายครับผมเป็นชาย, เพลง "ตัวเปล่า" เพลงประกอบละคร เรื่อง สายลมกับแสงดาว, เพลง "แค่ฝันก็ดีใจ", เพลง "ไม่เหนื่อยบ้างหรือ" ที่ละครเรื่องนี้ เตอร์ ได้แสดงคู่กับ มาช่า ส่งผลให้ละครและเพลงดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง และ เตอร์ยังได้ร้องเพลงประกอบโฆษณาของ คอฟฟี่ เมต คู่กับ ตอง ภัครมัย อีกด้วย

ชวิน จิตรสมบูรณ์ (จั๊ก)

จั๊ก เป็นคนที่ยิ้มง่าย และมีน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง นอกจากนี้ฝีมือการเล่นกีต้าร์ของเขายังเป็นที่ยอมรับของคนในวงการดนตรีอีกด้วย เขาเริ่มต้นในวงการดนตรีด้วยการเป็นศิลปินดูโอวง "Double U" (ดับเบิ้ล ยู)

  • ปี 2541 พวกเขามีอัลบั้มแรกชื่อ "Double U" (ดับเบิ้ล ยู) ออกมา โดยมีเพลงฮิตอย่าง "เธอสวย" และ "เหนื่อย" เพลง "เธอสวย" จั๊ก รับหน้าที่แต่งทำนองเพลงนี้ด้วย
  • ปี 2543 ทางวงมีอัลบั้มที่สองออกมาชื่อ "Glow In The Dark" (โกลว์ อิน เดอะ ดาร์ค) อัลบั้มนี้ซิงเกิ้ลฮิตกันสุดๆคือเพลง "ฉันจะตาม" และ "ตัวจริงของเธอ"โดย จั๊ก ร้องนำทั้งสองเพลงและเพลงหลัง จั๊ก ยังแต่งทำนองเพลงนี้อีกด้วย
  • จากนั้นปี 2544 จั๊ก รับหน้าที่เรียบเรียงในอัลบั้ม "Non Electric Project" (นอน อิเลคทริค โปรเจกต์) ของ โบ-สุนิตา พร้อมกับเป็นนักร้องรับเชิญในเพลง "ความรักจากฉัน" ให้กับ โบ อีกด้วย ปี 2546 จั๊ก มีผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกคือ "Guitar Stories" (กีต้าร์ สตอรีส์) เป็นอัลบั้มในสไตล์ "Blues Rock" (บลูส์ ร็อก) ที่เขามีส่วนร่วมในฐานะ โค-โปรดิวเซอร์ รวมถึงแต่งทำนอง เรียบเรียงและบันทึกเสียงกีต้าร์เองอีกด้วย
  • ปลายปี 2546 จั๊ก มีผลงานการแสดงภาพยนตร์เรื่อง "แฟนฉัน" เป็นเรื่องแรก ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ ประสบความสำเร็จสูงสุดเรื่องหนึ่งของวงการภาพยนตร์ในบ้านเรา ในงานเพลงประกอบภาพยนตร์ เขามีเพลง "รักครั้งแรก" ของวง "ชาตรี" ที่นำมาทำใหม่เป็นซิงเกิ้ลฮิตที่มาจากอัลบั้มนี้
  • ปลายปี 2546 จั๊ก มีอัลบั้ม " Thai Classic Series" (ไทย คลาสสิก ซีรีส์) ที่นำเอาเพลงเก่าของวง "ชาตรี" มาร้องและเรียบเรียงใหม่ทั้งหมด อัลบั้มนี้มี บิ๊ก ธานัท ธัญญหาญ นักร้องนำวง " The Big Brothers Band " (เดอะ บิ๊ก บราเธอร์ แบนด์) เป็นโปรดิวเซอร์ ส่วน จั๊ก รับหน้าที่เป็นโค-โปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้ ผลงานของเขายังมีอีกมากมาย อย่างเช่น แต่งเพลงให้กับ แอนคูณ 3 ,เล่นกีต้าร์เพลง "กลัว" ให้กับ ปาล์มมี่ และ บันทึกเสียงกีต้าร์ให้กับศิลปินอีกมากมาย อาทิเช่น ตุ้ย ธีรภัทร และ วงแคลช เป็นต้น

รุ่งโรจน์ ผลหว้า

กอล์ฟ เป็นมือเบส และ โปรดิวเซอร์ที่มากด้วยความสามารถและประสบการณ์ชนิดหาตัวจับได้ยากคนหนี่งของเมืองไทย เขาเริ่มต้นจากการรวมตัวกับเพื่อนๆ ตั้งวงดนตรีร็อกในนาม "Y Not 7" (วายน็อตเซเว่น) ซึ่งเริ่มต้นจากการตระเวนเล่นตามผับและสถานบันเทิงเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ได้แต่งเพลงเก็บเอาไว้ โดยหวังว่าจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง และโอกาสก็มาถึงเมื่อความสามารถของพวกเขาไปเข้าตาโปรดิวเซอร์มือหนึ่งอย่าง โอม-ชาตรี คงสุวรรณ

  • ปี 2537 " Y Not 7" มีอัลบั้มแรกชื่อ "Y Not 7" ออกวางจำหน่าย และประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงด้วยยอดขายร่วมหนึ่งล้านก๊อปปี้ "ทิ้งรักลงแม่น้ำ" และ "เกลียดความสงสาร" เป็นเพลงร็อกบัลลาด เพราะกินใจจากอัลบั้มนี้ที่ฮิตกันมากๆ การแสดงสดที่สุดมันของพวกเขาเป็นที่ยอมรับในวงการ และทำให้พวกเขาได้มีโอกาสเป็นตัวแทนประเทศไทยไปร่วมแสดงในงาน Concert Asia Live (คอนเสิร์ต เอเชีย ไลฟ์) ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นโดยสถานี่โทรทัศน์ NHK ในงานนี้มีศิลปินระดับแนวหน้าของชาติต่างๆ 10 ชาติ ในเอเชียที่ได้รับเชิญเข้าร่วมแสดงในมหกรรมคอนเสิร์ตครั้งนี้
  • ปี 2540 อัลบั้มที่สอง "Six" (ซิกช์) ออกวางจำหน่าย อัลบั้มชุดนี้กอล์ฟรับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ ร่วมกับ ปุ้ม- พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา อัลบั้มชุดนี้สมาชิกทุกคนในวงมีส่วนร่วมในการผลิตงานเพลงอย่างเต็มที่ นอกจากนี้อัลบั้มนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นพัฒนาการทางดนตรีของทางวงที่ก้าวขึ้นมาเป็นที่ยอมรับในฐานะมืออาชีพอย่างเต็มตัว
  • ทางวงมีอัลบั้มออกมาอีกสามอัลบั้ม คือ ในเดือนมกราคม ปี 2542 "Yeah" (เยห์) , ในเดือนกันยายน ปี 2542 "Never Die" (เนเวอร์ ดาย) และ ปี 2543 "Rock Up" (ร็อก อัพ) มีเพลงฮิตอีกมากมายหลายเพลง หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยุบวงไป

กอล์ฟ มีบทบาทในฐานะคนทำงานเบื้องหลังมามากมาย ในปี 2535 เขาแต่งเพลงให้กับ "Heavy Mod" (เฮฟวี่ มด), ปี 2536 แต่งเพลงให้กับ "วิศณุ เทศขยัน", ปี 2538 รับหน้าที่โค-โปรดิวเซอร์ อัลบั้ม "Shambala" (แชมบาลา) ของ "ปุ้ม-พงษ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา" นอกจากนี้ยังทำงานให้กับศิลปินอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล, คริสติน่า อากีล่าร์, มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์, นัท มีเรีย เบเนเดตตี้, ฟลาย, ตอง ภัครมัย โปตระนันท์, ดับเบิ้ล ยู และ มิสเตอร์ทีม เป็นต้น นอกจากนี้ ปี 2544 ยังรับหน้าที่โปรดิวเซอร์ให้กับ "ปาล์มมี่" ในอัลบั้ม "Stay" (สเตย์) อีกด้วย

เทรุ มุรายาม่า (เทรุ)

มือกลอง ชาวญี่ปุ่นคนนี้ เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย และได้ร่วมงานกับศิลปินไทยชื่อดังหลายราย การที่เขามาเล่นที่เมืองไทย เพราะต้องการหาประสบการณ์ อยากเล่นแนวดนตรีที่ใหม่ๆ เขามีความฝันที่อยากจะเล่นดนตรีไปทั่วโลก เขาเคยบันทึกเสียงในห้องอัดให้กับศิลปินต่างๆ มาแล้วมากมายที่ประเทศญี่ปุ่น และก็เป็นอาจารย์สอนกลองที่มีความสามารถในการเล่นกลองได้หลายรูปแบบ ผลงานที่ทำให้คนไทยรู้จักเขา คือ เล่นกลองให้กับ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ในอัลบั้มชุดที่ 4 "Version 4.0" เมื่อ ปี 2545