โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน
โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน

โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน

โรคอัมพาตฉับพลัน, โรคลมปัจจุบัน, โรคลมเหตุหลอดเลือดสมอง, หรือโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน (อังกฤษ: stroke, cerebrovascular accident) เป็นโรคหลอดเลือดสมองประเภทหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยกว่าปกติโดยเฉียบพลันจนทำให้เซลล์ตาย[5] มีอยู่สองประเภทหลัก ได้แก่ ชนิดขาดเลือด และชนิดเลือดออก[5] ซึ่งมีผลให้สมองบางส่วนทำงานตามปกติต่อไปไม่ได้[5] อาการและอาการแสดงของโรคหลอดเลือดสมอง เช่น อัมพาตครึ่งซีก ภาวะเสียการสื่อความเหตุศูนย์รับความรู้สึกหรือภาวะเสียการสื่อความชนิดแสดงออก เวียนศีรษะหรือตาบอดครึ่งซีกซ้ายหรือขวา[2][3] อาการและอาการแสดงมักปรากฏขึ้นไม่นานหลังเริ่มเกิดโรค[3] ถ้าอาการนั้นคงอยู่ไม่ถึงหนึ่งถึงสองชั่วโมง โรคหลอดเลือดสมองนั้นเรียก ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว (TIA)[3] โรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกยังอาจสัมพันธ์กับอาการปวดศีรษะรุนแรง[3] อาการอาจคงอยู่ได้ถาวร[5] ภาวะแทรกซ้อนระยะยาวอาจรวมถึงปอดบวมและการกลั้นปัสสาวะไม่ได้[3]ปัจจัยเสี่ยงหลักสำหรับโรคหลอดเลือดสมองคือความดันเลือดสูง[6] ปัจจัยเสี่ยงอื่นเช่น การสูบบุหรี่ โรคอ้วน คอเลสเตอรอลสูงในเลือด โรคเบาหวาน TIA ครั้งก่อน ๆ โรคไตวายระยะสุดท้าย และหัวใจห้องบนเต้นระรัว[2][6][11] โรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดเฉพาะที่ตรงแบบเกิดจากการอุดกั้นของหลอดเลือด แม้จะมีสาเหตุอื่นที่พบน้อยกว่าด้วย[12][13][14] สำหรับโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกเกิดจากเลือดออกเข้าสู่สมองโดยตรง หรือเลือดออกในช่องระหว่างเยื่อหุ้มสมอง[12][15] สาเหตุของเลือดออกอาจเนื่องจากหลอดเลือดโป่งพองในสมองที่แตก[12] การวินิจฉัยตรงแบบอาศัยการตรวจร่างกาย โดยสนับสนุนจากการถ่ายภาพทางการแพทย์ เช่น ซีทีสแกนหรือเอ็มอาร์ไอ[7] ซีทีสแกนสามารถแยกเลือดออกได้ แต่อาจไม่แยกการขาดเลือดเฉพาะที่ ซึ่งในระยะแรกตามแบบจะไม่ปรากฏในซีทีสแกน[8] การตรวจอื่น เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และการตรวจเลือดเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงและแยกสาเหตุอื่นที่เป็นไปได้[7] ทั้งนี้ น้ำตาลต่ำในเลือดก็อาจก่อให้เกิดอาการคล้ายกันได้[7]การป้องกันประกอบด้วยการลดปัจจัยเสี่ยง การผ่าตัดเพื่อเปิดหลอดเลือดแดงสู่สมองในผู้ที่มีหลอดเลือดคะโรติดตีบ และยาวาร์ฟารินในผู้ป่วยหัวใจห้องบนเต้นระรัว แพทย์อาจแนะนำยาแอสไพรินหรือสแตตินเพื่อป้องกัน โรคหลอดเลือดสมองมักต้องอาศัยการบริบาลฉุกเฉิน สำหรับโรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดเฉพาะที่ ถ้าตรวจพบได้ทันภายในสามถึงสี่ชั่วโมงครึ่ง อาจรักษาได้ด้วยยาที่สามารถสลายลิ่มเลือดอุดตัน ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออกบางรายอาจได้รับประโยชน์จากการผ่าตัด การรักษาเพื่อพยายามกู้คืนหน้าที่ของสมองที่เสียไป เรียก การฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ดี ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกยังเข้าไม่ถึง[2]ใน ค.ศ. 2013 ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดเฉพาะที่ประมาณ 6.9 ล้านคน และโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออก 3.4 ล้านคน[16] ใน ค.ศ. 2015 มีผู้ป่วยที่เคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 42.4 ล้านคนที่ยังมีชีวิตอยู่[9] ระหว่าง ค.ศ. 1990 ถึง 2010 มีผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองลดลงประมาณร้อยละ 10 ในประเทศพัฒนาแล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ในประเทศกำลังพัฒนา ใน ค.ศ. 2015 โรคหลอดเลือดสมองเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่พบมากที่สุดอันดับสองรองจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 6.3 ล้านคน (ร้อยละ 11)[10] มีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลอดสมองชนิดขาดเลือดเฉพาะที่ 3.0 ล้านคน และโรคหลอดเลือดสมองชนิดเลือดออก 3.3 ล้านคน ผู้ป่วยประมาณกึ่งหนึ่งมีชีวิตต่อไปอีกไม่ถึงหนึ่งปี โดยรวมแล้ว ผู้ป่วยสองในสามเป็นบุคคลอายุเกิน 65 ปี[17]

โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน

อาการ อัมพาตครึ่งซีก, ภาวะเสียการสื่อความเหตุศูนย์รับความรู้สึกหรือภาวะเสียการสื่อความชนิดแสดงออก, เวียนศีรษะ, ตาบอดครึ่งซีกซ้ายหรือขวา[2][3]
สาขาวิชา ประสาทวิทยา
สาเหตุ การขาดเลือดเฉพาะที่ (อุดกั้น) และเลือดออก[5]
ความชุก 42.4 ล้านคน (2015)[9]
วิธีวินิจฉัย อาศัยอาการ และตรงแบบการถ่ายภาพทางการแพทย์ใช้เพื่อแยกสาเหตุเลือดออก[7][8]
ปัจจัยเสี่ยง ความดันเลือดสูง, การสูบบุหรี่, โรคอ้วน, คอเลสเตอรอลสูงในเลือด, โรคเบาหวาน, TIA ครั้งก่อน ๆ, หัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว[2][6]
ภาวะแทรกซ้อน สภาพผักเรื้อรัง[4]
การรักษา ขึ้นกับชนิด[2]
การเสียชีวิต 6.3 ล้านคน (2015)[10]
ชื่ออื่น โรคลมปัจจุบัน, โรคลมเหตุหลอดเลือดสมอง
โรคอื่นที่คล้ายกัน น้ำตาลต่ำในเลือด[7]
พยากรณ์โรค การคาดหมายคงชีพเฉลี่ย 1 ปี[2]

ใกล้เคียง

โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคหลงผิด โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลงตัวเอง โรคหลอดลมพอง โรคหลอดเลือดส่วนปลาย โรคหลอดลมฝอยอักเสบ

แหล่งที่มา

WikiPedia: โรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน http://www.canadianstrokenetwork.ca http://www.diseasesdatabase.com/ddb2247.htm http://www.emedicine.com/emerg/topic557.htm http://www.emedicine.com/emerg/topic558.htm http://www.emedicine.com/neuro/topic9.htm http://www.emedicine.com/pmr/topic187.htm http://www.icd9data.com/getICD9Code.ashx?icd9=434.... http://www.jirungclinic.com/news-detail.php?pConte... http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topi... http://www.nhlbi.nih.gov/health/health-topics/topi...