โรคหืด (
อังกฤษ: asthma) เป็นโรคการอักเสบเรื้อรังของทางเดินอากาศหายใจที่พบบ่อย ลักษณะคือ มีอาการหลายอย่างแบบเป็นซ้ำ มี
การอุดกั้นทางเดินอากาศหายใจและ
หลอดลมหดเกร็งแบบย้อนกลับได้
[10] อาการทั่วไปมี
เสียงหวีด ไอ แน่นหน้าอกและหายใจกระชั้น
[2]เชื่อว่าโรคหืดเกิดจากปัจจัยทาง
พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมผสมกัน
[11] การวินิจฉัยโดยปกติอาศัยรูปแบบของอาการ การตอบสนองต่อการรักษาตามเวลาและ
การวัดปริมาตรอากาศหายใจ (spirometry)
[12] ในทางคลินิก จำแนกตามความถี่ของอาการ ปริมาตรการหายใจออกเบ่งใน 1 วินาที (FEV1) และอัตราการไหลหายใจออกสูงสุด (peak expiratory flow rate)
[13] โรคหืดยังอาจจำแนกเป็นภูมิแพ้กรรมพันธุ์ (atopic) หรือภายนอก (extrinsic) หรือไม่ใช่ภูมิแพ้กรรมพันธุ์ (non-atopic) หรือภายใน (intrinsic)
[14] โดยภูมิแพ้กรรมพันธุ์หมายถึงความไวแฝงรับโรค (predisposition) ต่อการเกิดปฏิกิริยา
ไวเกินชนิดที่ 1[15]การรักษาอาการเฉียบพลันโดยปกติใช้ตัวทำการบีตา-2 ที่ออกฤทธิ์สั้นแบบสูด (inhaled short-acting beta-2 agonist) เช่น
ซัลบูทามอล และ
คอร์ติโคสเตอรอยด์ทางปาก
[7] ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงมาก อาจต้องใช้คอร์ติโคสเตอรอยด์
แมกนีเซียมซัลเฟตทางหลอดเลือดดำ และให้เข้าโรงพยาบาล
[16] อาการสามารถป้องกันได้โดยการเลี่ยงตัวกระตุ้น เช่น
สารก่อภูมิแพ้[6]และ
ยาระคาย และโดยการใช้คอร์ติโคสเตอรอยด์แบบสูด
[17] ตัวทำการบีตาที่ออกฤทธิ์ยาว (LABA) หรือสารต้านลิวโคไตรอีน (antileukotriene) อาจใช้เพิ่มเติมจากคอร์ติโคสเตอรอยด์แบบสูดหากยังควบคุมอาการโรคหืดไม่ได้
[18][19]การเกิดโรคหืดเพิ่มขึ้นอย่างสำคัญนับแต่คริสต์ทศวรรษ 1970 ในปี 2554 มีผู้ได้รับวินิจฉัยเป็นโรคหืดทั่วโลก 235–300 ล้านคน
[20][21] และเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 250,000 คน
[21] ส่วนใหญ่เป็นคนในประเทศกำลังพัฒนา ผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มมีอาการตั้งแต่วัยเด็ก ประวัติศาสตร์ของโรคหืดมีย้อนไปถึงสมัยอียิปต์โบราณ