โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน (
อังกฤษ: Coal-fired power station) เป็น
โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนที่ใช้ความร้อนจากการเผาไหม้ของถ่านหินเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ทั่วโลกมีโรงไฟฟ้าถ่านหินมากกว่า 2,400 แห่ง รวมกำลังการผลิตมากกว่า 2,000 จิกะวัตต์
[1] กำลังผลิตไฟฟ้าคิดเป็นหนึ่งในสามของพลังงานที่ใช้ทั้งโลก
[2] แต่ก่อให้เกิดสภาวะอันตรายและการเสียชีวิตมากที่สุด
[3] ซึ่งมีผลมาจาก
มลพิษทางอากาศ[4]ไรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินเป็นส่วนหนึ่งของโรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิล ถ่านหินจะถูกบดเป็นถ่านหินผงแล้วเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิงให้หม้อต้มน้ำ ความร้อนของเตาเผาจะเปลี่ยนน้ำในหม้อต้มเป็นไอน้ำ ซึ่งจากนั้นจะนำไปใช้หมุนกังหันที่หมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ดังนั้น ถ่านหินที่เก็บไว้ในพลังงานเคมีจะถูกแปลงเป็นพลังงานความร้อน เมื่อใส่ในกังหันของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแปลงเป็นพลังงานกล และสุดท้ายแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าในแต่ละปีโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินปล่อย
คาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 10 กิโลตัน
[5] ประมาณ 1 ใน 5 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ใหญ่ที่สุดของ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[6] มากกว่าครึ่งหนึ่งของการผลิตไฟฟ้าพลังงานถ่านหินทั้งหมดในโลกผลิตใน
ประเทศจีน[7] ในปี พ.ศ. 2563 จำนวนโรงไฟฟ้าเริ่มมีแนวโน้มลดลง
[8][9] เนื่องจากกำลังผลิตลดลงในทวีปยุโรป
[10] และทวีปอเมริกา
[11] แม้มีแนวโน้มมากขึ้นในทวีปเอเชีย โดยส่วนมากในประเทศจีน
[12] โรงไฟฟ้าบางส่วนยังคงทำกำไรได้แม้เผชิญความเสี่ยงทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
[13][14] แต่ไม่ได้รวมถึงทุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหิน แต่ความเสี่ยงของโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินใหม่อาจกลายเป็น
อสังหาริมทรัพย์ล้มละลาย
[15] เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า ประเทศในกลุ่ม
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจต้องหยุดพลังงานไฟฟ้าถ่านหินภายในปี พ.ศ. 2573 และทั่วโลกภายในปี พ.ศ. 2583
[16] ประเทศเวียดนามเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่ใช้พลังงานถ่านหินเป็นหลักประกาศว่าจะหยุดการใช้พลังงานถ่านหินภายในพุทธทศวรรษ 2580 หรือยุติเร็วกว่านั้น
[17]