ช่วงหลังการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของโซเวียตและความสำเร็จทางธุรกิจ ของ โรมัน_อับราโมวิช

นายอับราโมวิชเริ่มทำการค้าขายในช่วงหลังของยุค 80 ช่วงที่มีการปฏิรูปของประธานาธิบดีของโซเวียต มิคาอิลกอร์บอชอฟ ที่มีการอนุญาตให้ทำธุรกิจเอกชนขนาดเล็กได้ ในปี พ.ศ. 2535-2538 นายอับราโมวิชตั้งบริษัทขึ้น 5 บริษัท ซึ่งทำการซื้อมาขายไป และเป็นพ่อค้าคนกลาง และในที่สุดมีความเชี่ยวชาญด้านค้าขายน้ำมันและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน

ในปี พ.ศ. 2538 นายโรมัน อับราโมวิช และ นายบอริส เบอเรซอฟสกี ได้ควบคุมผลประโยชน์ในบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ บริษัทซิบเนฟท์ (Sibneft) โดยได้ทำข้อตกลงกันแบบ Loans-for-shares program (เป็นวิธีการที่กลุ่มบุคคลเล็กๆที่มีความสัมพันธ์อย่างดีกับรัฐบาล ได้รับสินทรัพย์ที่มีค่าสูงของรัฐโดยแลกกับเงินสดซึ่งเงินสดส่วนมากก็เอามาจากเงินในบัญชีของธนาคารของรัฐ จุดประสงค์ของวิธีการนี้คือช่วยหาเงินเพื่อการเลือกตั้งครั้งใหม่ของนายบอริส เยลสิน) ซึ่งหุ้นส่วนทั้งสองต้องจ่ายเงินเพียง 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งๆที่มูลค่าที่แท้จริงของบริษัทอยู่ที่พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงปี 90 นายอับราโมวิชและหุ้นส่วนทางธุรกิจ นายยูจีน ชวิดเลอร์ ได้มาซึ่งหุ้นผลประโยชน์สำคัญของสายการบินรัสเซียที่ใหญ่ที่สุด บริษัทแอโรฟลอต (Aeroflot) และบริษัทอะลูมิเนียมยักษ์ใหญ่ บริษัทรูซัล (Rusal) ผ่านทางบริษัทของพวกเขา บริษัท มิลล์เฮาส์ แคปิตัล (Millhouse Capital) และยังมีบริษัทขนาดเล็กลงมาที่เขาได้เข้าไปมีหุ้นส่วน เช่นในบริษัทเกี่ยวกับอุตสาหกรรมรถยนต์ บริษัทยา บริษัทแปรรูปอาหาร ที่ดินและในธุรกิจประเภทอื่นๆ สินทรัพย์ส่วนใหญ่เหล่านั้นถูกขายไปโดยได้กำไรมหาศาลในช่วงปี พ.ศ. 2545-2548 บริษัทมิลล์เฮาส์ แคปิตัล (Millhouse Capital) ได้ขายหุ้นบริษัทซิบเนฟท์ (sibneft)มูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซีย บริษัทแกซพรอม (Gazprom) และขายหุ้นในบริษัทรูซัล (Rusal) มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับ นายโอเลก เดริปาสคา (Oleg Deripaska)

ในปี พ.ศ. 2547 นักสืบอาชญากรรมของสวิสได้เลิกสืบสวนคดีการโกงเงินที่รัสเซียกู้ยืมจากไอเอ็มเอฟ (IMF) มูลค่า 4,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศรัสเซียไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้กับนักสืบ ซึ่งเรื่องนี้มีนายอับราโมวิชเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ นาย Laurent Kasper-Ansermet ผู้พิพากษาซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลคดี ได้ถูกทำร้ายจนหมดสติตอนที่มาเยือนเมืองเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก

ในปี พ.ศ. 2548 ประเทศฝรั่งเศสได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับการฟอกเงินกับบริษัทที่มีความเชื่อมโยงถึงนายอับราโมวิช นายอับราโมวิชได้ถูกขนานนามว่าเป็นคนที่รวยที่สุดเป็นอันดับสองในประเทศอังกฤษ โดยทรัพย์สินของเขามีประมาณ 10,800 ล้านปอนด์เสตอริง