อาชีพ ของ โรเคียร์_ฟัน_เดอร์ไวเดิน

หลังจากที่ไปตั้งหลักฐานอยู่ที่บรัสเซลส์แล้ว โรเคียร์ก็เริ่มสร้างชื่อเสียงจนในที่สุดก็กลายเป็นจิตรกรคนสำคัญคนหนึ่งของยุโรป ซึ่งจะเห็นได้จากหลักฐานของอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนต่าง ๆ ที่โรเคียร์เป็นเจ้าของ นอกจากนั้นก็ยังมีหลักฐานปรากฏว่าโรเคียร์มีความสนิทสนมกับเจ้านายและคนสำคัญต่าง ๆ ในยุโรปจะเห็นได้จากงานภาพเหมือนของดุ๊กแห่งเบอร์กันดีหลายองค์ รวมทั้งพระญาติพระวงศ์ ข้าราชสำนัก และบุคคลผู้มีฐานะร่ำรวยและมีอำนาจในเวลานั้น

งานแท่นบูชามิราโฟลเรส (Miraflores Altarpiece) อาจจะเป็นงานที่รับจากพระเจ้าฆวนที่ 2 แห่งกัสติยา เพราะพระเจ้าฆวนทรงอุทิศให้สำนักสงฆ์แห่งมิราโฟลเรสในปี ค.ศ. 1445 ในปี ค.ศ. 1450 โรเคียร์อาจจะเดินทางไปแสวงบุญที่กรุงโรมที่ทำให้มีโอกาสได้ทำความคุ้นเคยกับศิลปินและผู้อุปถัมภ์ศิลปินชาวอิตาลี ซึ่งจะเห็นได้จากการที่สมาชิกในตระกูลเอสเตและตระกูลเมดีชีจ้างให้โรเคียร์เขียนภาพหลายภาพ และบีอังกา มารีอา วิสกอนตี ดัชเชสแห่งมิลาน ถึงกับส่งซาเนตโต บูกัตโต (Zanetto Bugatto) ผู้เป็นช่างเขียนประจำสำนักไปบรัสเซลส์เพื่อให้ไปศึกษาการเขียนภาพกับโรเคียร์ ความมีชื่อเสียงของโรเคียร์ไปในประเทศต่าง ๆ ในยุโรปก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างคริสต์ทศวรรษ 1450 และ 1460 นักปราชญ์เช่นนิโคลัสแห่งคูส, ฟีลาเรเต และบาร์โตโลเมโอ ฟาซีโอ กล่าวสรรเสริญโรเคียร์อย่างเลิศลอยว่าเป็น ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ในบรรดาจิตรกรทั้งหลาย

ลักษณะสำคัญของภาพเขียนโดยโรเคียร์ก็คือการที่ทำให้ผู้ดูรู้สึกสะเทือนอารมณ์ ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนจากภาพเขียน "ชะลอร่างจากกางเขน" (พิพิธภัณฑ์ปราโด มาดริด ประเทศสเปน) ที่เชื่อกันว่าเขียนโดยโรเคียร์ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 งานชิ้นนี้ผู้จ้างอาจจะเป็น "สมาคมนายขมังธนูแห่งนักบุญจอร์จ" (Saint Georges Guild of the crossbowmen) สำหรับวัด "Onze-Lieve-Vrouw van Ginderbuiten" ที่เลอเฟิน แต่นักวิชาการบางท่านเช่น มักซ์ ยอท. ฟรีดเลนเดอร์ (Max J. Friedländer) และเมื่อไม่นานมานี้ เฟลิกซ์ เทือร์เลอมันน์ (Felix Thürlemann) สันนิษฐานจากการเปรียบเทียบลักษณะงานว่าเป็นงานของโรเบิร์ต กัมปิน มิใช่โรเคียร์ ฟัน เดอร์ไวเดินตามที่สันนิษฐานกันมาก่อนหน้านั้น