เหตุ ของ โลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็ก

เหตุปกติของภาวะโลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็กรวมทั้ง

เหตุของภาวะเลือดจางที่มีเม็ดเลือดปกติหรือที่มีเม็ดเลือดโตอื่น ๆ ก็ต้องพิจารณาด้วยเหมือนกัน เพราะว่า การมีเหตุภาวะเลือดจางอย่างน้อยสองอย่าง อาจทำให้เข้าใจผิดได้มีเหตุภาวะโลหิตจางแบบมีเม็ดเลือดเล็ก 5 อย่างโดยมีรหัสเป็น TAILS[4]ซึ่งก็คือ ทาลัสซีเมีย (Thalessemia) ภาวะเลือดจางเหตุโรคเรื้อรัง (Anemia of chronic disease) ภาวะขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency) ตะกั่วเป็นพิษ (Lead poisoning) และ congenital sideroblastic anemiaแต่สามประเภทแรกเท่านั้น ที่สามัญโดยมากในโลกและโดยทฤษฎีแล้ว ทั้งสามอาจแยกแยะโดยสัณฐานของเม็ดเลือดแดงคือ ภาวะเลือดจางเหตุโรคเรื้อรังไม่มีเม็ดเลือดแดงที่ผิดปกติ, การขาดเหล็กมีเม็ดเลือดแดงหลากขนาด (anisocytosis) มีสีไม่เสมอกัน (anisochromia) มีรูปร่างรี (elliptocytosis), และทาลัสซีเมียอาจมี codocyte (หรือ target cells) คือเลือดที่ดูเหมือนเป้ายิงปืนหรือหมวกเม็กซิกัน (ดูรูป) และอาจเป็นจุดรอบ ๆ (basophilic stippling)

แต่ว่าในการปฏิบัติ เม็ดเลือดแดงหลากขนาดและมีรูปร่างรีบ่อยครั้งก็เห็นในคนไข้ทาลัสซีเมีย และ codocyte ก็เห็นในคนไข้ที่ขาดเหล็ก[4]และทั้งสามก็อาจจะมีสัณฐานเม็ดเลือดปกติการเป็นจุดรอบ ๆ (basophlic stippling) เป็นอาการที่เชื่อถือได้ของทาลัสซีเมีย ที่ไม่มีเมื่อขาดเหล็กหรือเนื่องจากโรคเรื้อรังแต่คนไข้ควรจะเป็นคนเชื้อสายที่มีความเสี่ยง และไม่ควรยืนยันการวินิจฉัยโดยไม่มีการตรวจอื่น ๆ เช่น hemoglobin HPLC, H body staining, การตรวจระดับโมเลกุลหรือวิธีที่น่าเชื่อถืออื่น ๆเพราะว่า การเป็นจุดรอบ ๆ ก็ยังเกิดได้ในกรณีอื่น ๆ เหมือนกัน[4]

ใกล้เคียง

โลหิต โลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็ก โลหิตวิทยา โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โลหิตจางจากการขาดจี6พีดี โลหิตจาง โลหิตจางจากการขาดโฟเลต โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก โลลิตา โมหิต เรนะ

แหล่งที่มา

WikiPedia: โลหิตจางที่มีเม็ดเลือดแดงเล็ก http://www.emedicine.com/EMERG/topic734.htm http://content.karger.com/produktedb/produkte.asp?... http://www.rareanemias.webs.com http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/ijlh.12... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/19181781 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/21934347 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2649346 http://apps.who.int/classifications/icd10/browse/2... //doi.org/10.1111%2Fijlh.12082 //doi.org/10.1159%2F000331283