ประวัติ ของ โอดะ_โนบูนางะ

โอดะ โนบุนางะ เกิดเมื่อค.ศ. 1534 ที่ปราสาทนะโงยะ มีชื่อว่า คิปโปชิ (吉法師) เป็นบุตรชายคนที่สองของ โอดะ โนบุฮิเดะ (織田信秀) ไดเมียวแห่งแคว้นโอะวะริ (尾張) จังหวัดไอจิในปัจจุบัน เป็นบุตรคนโตสุดที่เกิดกับภรรยาเอกของโนะบุฮิเดะ คือ นางโดะตะ-โงเซ็ง (土田御前)

วัยเยาว์และการสืบทอดแคว้นโอวาริ

ในฐานะที่เป็นบุตรคนโตสุดที่เกิดกับภรรยาเอก ทำให้คิปโปชิเป็นอันดับหนึ่งในการสืบทอดแคว้นโอะวะริต่อจากโนะบุฮิเดะบิดาของตน ซึ่งได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาคนสนิทของตนคือ ฮิระเตะ มะซะฮิเดะ (平手政秀) เป็นอาจารย์คอยฝึกวิชาความรู้ให้แก่คิปโปชิ แต่ว่าคิปโปชิกลับมีพฤติกรรมที่ประหลาด เอาแต่ใจตนเอง และไม่อยู่ในกรอบประเพณี ทำให้เป็นที่ไม่พอใจของบรรดาซะมุไรหรือข้ารับใช้ของตระกูลโอะดะ รวมทั้งมารดาของคิปโปชิเอง จนทำให้คิปโปชิมีชื่อกระฉ่อนไปทั่วภูมิภาคคันไซว่า "เจ้าโง่แห่งแคว้นโอะวะริ" (尾張の大うつけ) แต่ด้วยการสนับสนุนของบิดาและมะซะฮิเดะผู้เป็นอาจารย์ ทำให้คิปโปชิยังคงสถานะเป็นทายาทของตระกูลโอะดะอยู่ได้

ในเวลานั้นตระกูลโอะดะต้องเผชิญกับภัยคุกคามจากแคว้นข้างเคียงที่ทรงกำลังอำนาจ อันได้แก่ ตระกูลอิมะงะวะ ผู้ปกครองสามแคว้นทางตะวันออกของโอะวะริ (ในบริเวณจังหวัดชิซุโอะกะในปัจจุบัน) และตระกูลไซโต (斎藤) ผู้ปกครองแคว้นมิโนะ (美濃 จังหวัดกิฟุในปัจจุบัน) ทางตอนเหนือ ในค.ศ. 1546 เมื่ออายุสิบสองปี คิปโปะชิผ่านพิธีเง็มปุกุได้รับชื่อว่า โอะดะ โนะบุนะงะ โนะบุฮิเดะบิดาร่วมกับมะซะฮิเดะผูกสัมพันธ์กับตระกูลไซโตแห่งแคว้นมิโนะ โดยการส่งมะซะฮิเดะเดินทางไปสู่ขอนางโน-ฮิเมะ (濃姫) บุตรสาวของไซโต โดซัง (斎藤道三) ไดเมียวผู้ปกครองแคว้นมิโนะ มาเป็นภรรยาของโนะบุนะงะ

นอกจากนี้โนะบุนะงะยังได้มีโอกาสได้สัมผัสกับอาวุธชนิดใหม่ในขณะนั้น คือ ปืน ซึ่งผลิตและนำเข้าโดยชาวโปรตุเกสที่เกาะทะเนะงะชิมะ ทางตอนใต้ของเกาะคีวชู

ในค.ศ. 1551 โนะบุฮิเดะผู้เป็นบิดาถึงแก่กรรม โนะบุนะงะได้อาละวาดกลางงานศพของบิดาของตน ทำให้บรรดาข้ารับใช้ของตระกูลโอะดะไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง และทำให้มะซะฮิเดะรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำการสั่งสอนโนะบุนะงะไม่ดีพอ จึงกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตเพื่อชดใช้ความผิด เหตุการณ์นี้ทำให้โนะบุนะงะเสียใจอย่างมาก เมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งไดเมียวแห่งโอะวะริ โนะบุนะงะยังคงอ่อนด้อยประสบการณ์ ทำให้การปกครองของแคว้นตกอยู่ในมือของโอะดะ โนะบุโตะโมะ (織田信友) ผู้ซึ่งมาจากสาขาย่อยของตระกูลโอะดะและเป็นผู้ปกครองปราสาทคิโยะซุ (清洲城) ในค.ศ. 1554 ชิบะ โยะชิมุเนะ (斯波義統) ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นชูโงแห่งแคว้นโอะวะริ (ได้รับการแต่งตั้งมาจากรัฐบาลโชกุนมุโระมะชิ) ทราบว่าโนะบุโตะโมะวางแผนลอบสังหารโนะบุนะงะ จึงนำความมาบอกแก่โนะบุนะงะ เมื่อโนะบุโตะโมะทราบว่าแผนของตนรั่วไหลจึงสังหารโยะชิมุเนะไป แต่ในปีต่อมาค.ศ. 1555 โนะบุนะงะได้ชิงลงมือทำการลอบสังหารโนะบุโตะโมะเสียก่อนที่ปราสาทคิโยะซุ

ปีต่อมาค.ศ. 1556 ไซโต โยะชิตะซึ (斎藤義龍) ทำการก่อกบฏต่อบิดาของตนคือไซโตโดซัง ไซโตโดซังขอให้โนะบุนะงะผู้เป็นลูกเขยยกทัพเข้าไปยังแคว้นมิโนะเพื่อช่วยเหลือตนแต่ไม่ทันการ โดซังถูกสังหารในที่รบและโยะชิตะซึจึงขึ้นเป็นไดเมียวแห่งมิโนะคนใหม่ ในปีเดียวกันนั้นเองน้องชายของโนะบุนะงะคือ โอะดะ โนะบุยุกิ (織田信行) ก่อกบฏหมายจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลโอะดะด้วยการสนับสนุนของชิบะตะ คะซึอิเอะ (柴田勝家) ฮะยะชิ ฮิเดะซะดะ (林秀貞) รวมทั้งมารดาของโนะบุนะงะเอง โนะบุนะงะสามารถเอาชนะทัพของน้องชายตนเองได้ในยุทธการอิโน (稲生の戦い) โนะบุนะงะไว้ชีวิตขุนพลทั้งสองแต่ต้องการที่จะสังหารโนะบุยุกิน้องชาย แต่ด้วยการร้องขอของมารดาโนะบุนะงะจึงได้ไว้ชีวิตโนะบุยุกิ ปรากฏว่าในปีต่อมาค.ศ. 1557 โนะบุยุกิวางแผนยึดอำนาจอีกครั้ง โนะบุนะงะจึงแสร้งป่วยเพื่อให้โนะบุยุกิมาเยี่ยมตนที่ปราสาทคิโยะซุ จากนั้นจึงได้สังหารโนะบุยุกิทิ้ง

ยุทธการโอะเกะฮะซะมะ

ดูบทความหลักที่: ยุทธการโอะเกะฮะซะมะ

ในค.ศ. 1561 อิมะงะวะ โยะชิโมะโตะ (今川義元) ไดเมียวผู้ทะเยอทะยานแห่งตระกูลอิมะงะวะซึ่งปกครองดินแดนทางตะวันออกของโอะวะริ ต้องการที่จะยกทัพไปยึดอำนาจยังเมืองเกียวโต ซึ่งเส้นทางเดินทัพจะต้องผ่านแคว้นโอะวะริ ขุนพลคนสำคัญทั้งหลายแห่งตระกูลโอะดะต่างมีความเห็นว่าตระกูลอิมะงะวะมีกำลังอำนาจควรจะปล่อยให้เดินทัพผ่านโอะวะริไปโดยสวัสดิภาพ แต่โนะบุนะงะยืนกรานที่จะเข้าขัดขวางทัพของโยะชิโมะโตะ โดยทัพของโยชิโมโตะมีทหารกว่า 40,000 คน ขณะที่ทัพของโนบุนางะมีทหารเพียง 5,000 คน แต่โนบุนางะจึงคิดว่าถ้าจะสู้ให้ชนะก็ต้องจัดการกับตัวบงการก็คือทัพที่โยะชิโมะโตะอยู่นั่นเอง และในวันนั้นเองนับว่าโชคดีเป็นอย่างมากที่ฝนตก เพราะง่ายต่อการควบคุมคนจำนวนน้อยและยากต่อการควบคุมทัพขนาดใหญ่ ในระหว่างที่ทัพของโยะชิโมะโตะกำลังพักอยู่นั้นโนบุนางะใช้ทหารจำนวนกว่า 2,000 คนเท่านั้นบุกโจมตีทัพหลักอย่างไม่ทันตั้งตัว ในยุทธการโอะเกะฮะซะมะ (桶狭間の戦い) เป็นเหตุให้โยะชิโมะโตะถูกสังหาร เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้โนะบุนะงะมีชื่อเสียงไปทั่วญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นเพียงแค่ไดเมียวของแคว้นเล็กแต่สามารถยับยั้งการยึดอำนาจของไดเมียวผู้ทรงอำนาจอย่างอิมะงะวะ โยะชิโมะโตะได้

ปีต่อมาค.ศ. 1561 ไซโต โยะชิตะซึ ไดเมียวแห่งมิโนะถึงแก่กรรม ไซโต ทะซึโอะกิ (斎藤龍興) ผู้เป็นบุตรชายอายุเพียงสิบสี่ปีและไร้ความสามารถขึ้นเป็นไดเมียวแห่งมิโนะคนต่อมา โนะบุนะงะเห็นเป็นโอกาสจึงนำทัพเข้ารุกรานแคว้นมิโนะ จนสามารถเข้ายึดปราสาทอินะบะยะมะ (稲葉山) อันเป็นที่มั่นของตระกูลไซโตได้ในค.ศ. 1567 ทำให้โนะบุนะงะสามารถเข้าครอบครองแคว้นมิโนะได้ แล้วจึงเปลี่ยนชื่อปราสาทใหม่เป็น ปราสาทกิฟุ (岐阜) จังหวัดกิฟุในปัจจุบัน โนะบุนะงะพำนักที่ปราสาทกิฟุ และประกาศนโยบายรวบรวมญี่ปุ่นที่แตกแยกออกเป็นแคว้นต่าง ๆ ให้เป็นหนึ่งเดียวภายใต้การปกครองของตน พร้อมคติพจน์ที่ว่า เท็งกะ ฟุบุ (天下布武) แปลว่า ปกครองแผ่นดินด้วยการทหาร

เส้นทางสู่เกียวโต

กล่าวถึงเหตุการณ์ในเมืองเกียวโต รัฐบาลโชกุนอะชิกะงะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของตระกูลมิโยะชิ ค.ศ. 1565 โชกุนอะชิกะงะ โยะชิเตะรุ (足利義輝) ได้ถูกสองขุนพลได้แก่ มะซึนะงะ ฮิซะฮิเดะ (松永久秀) และมิโยะชิ โยะชิซึงุ (三好義継) ยกทัพมาสังหารยังที่พัก โนะบุนะงะพำนักอยู่ที่ปราสาทกิฟุได้หนึ่งปี จนกระทั่งในค.ศ. 1568 อะชิกะงะ โยะชิอะกิ (足利義昭) ผู้เป็นน้องชายของโชกุนโยะชิเตะรุได้ร้องขอให้โนะบุนะงะยกทัพไปยังเกียวโตเพื่อทำการแก้แค้นให้แก่พี่ชายของตนโดยการสังหารขุนพลทั้งสอง

โนะบุนะงะจึงเตรียมการยกทัพไปยึดเมืองเกียวโต แต่เส้นทางเดินทัพไปยังเกียวโตต้องผ่านแคว้นโอมิ (近江) จังหวัดชิงะในปัจจุบัน ซึ่งมีไดเมียวตระกูลรกกะกุ (六角) ปกครองอยู่และปฏิเสธที่จะให้ทัพของโนะบุนะงะผ่านแคว้นของตน โนะบุนะงะจึงทำสงครามกับตระกูลรกกะกุและสามารถเอาชนะและกำจัดตระกูลรกกะกุออกไปได้ในเวลาอันรวดเร็ว และเดินทัพสามารถเข้ายึดเมืองเกียวโตได้ในฤดูหนาวค.ศ. 1568 ฮิซะฮิเดะและตระกูลมิโยะชิเข้าสวามิภักดิ์ต่อโนะบุนะงะ โนะบุนะงะจึงตั้งให้โยะชิอะกิเป็นโชกุนคนใหม่เพื่อที่จะเป็นหุ่นเชิดของตน จากความดีความชอบในการช่วยเหลือโชกุนโยะชิอะกิในครั้งนี้โนะบุนะงะได้รับข้อเสนอเป็นตำแหน่งในราชสำนักเกียวโตและในบะกุฟุซึ่งโนะบุนะงะปฏิเสธไปทั้งหมด และมีความเห็นว่าการเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงนั้นสำคัญกว่าตำแหน่งทางพิธีการ

รวมอำนาจในภูมิภาคคันไซ

แต่ทว่าโชกุนโยะชิอะกิไม่พอใจการที่ตนตกอยู่ภายใต้อำนาจของโนะบุนะงะ และต้องการที่จะมีอำนาจเต็มในการปกครอง จึงได้ร้องขอไปยังอะซะกุระ โยะชิกะเงะ (朝倉義景) ไดเมียวแห่งแคว้นเอะจิเซง (จังหวัดฟุกุอิในปัจจุบัน) ให้ยกทัพมาขับไล่โนะบุนะงะออกจากเกียวโตและคืนอำนาจให้แก่โชกุน ความทราบถึงโนะบุนะงะ จึงส่งฮะชิบะ ฮิเดะโยะชิ (ต่อมาคือ โทะโยะโตะมิ ฮิเดะโยะชิ) นำทัพเข้าบุกแคว้นเอะจิเซงและเอาชนะตระกูลอะซะกุระได้ในยุทธการคะเนะงะซะกิ (金ヶ崎の戦い) ค.ศ. 1570

กล่าวถึงตระกูลอะซะกุระ มีพันธมิตรสำคัญเป็นตระกูลอะซะอิแห่งแคว้นโอมิ ซึ่งขณะนั้นมีผู้นำคือไดเมียวอะซะอิ นะงะมะซะ (浅井長政) ผู้เป็นน้องเขยของโนะบุนะงะเนื่องจากนะงะมะซะได้สมรสกับนางโออิจิ (ญี่ปุ่น: お市 โรมาจิŌichi) ผู้เป็นน้องสาวของโนะบุนะงะ โนะบุนะงะคาดหวังว่านะงะมะซะจะเห็นแก่นางโออิจิไม่มาทำสงครามกับตน แต่นะงะมะซะเห็นแก่พันธมิตรกับตระกูลอะซะกุระจึงเข้าช่วยตระกูลอะซะกุระในการสงครามกับโนะบุนะงะ โนะบุนะงะสามารถเอาชนะทัพของทั้งสองตระกูลได้ในยุทธการอะเนะงะวะ (姉川の戦い) อีกสามปีต่อมา ค.ศ. 1573 โนะบุนะงะนำทัพเข้าล้อมปราสาทฮิกิดะ (疋壇城) ของโยะชิกะเงะ และปราสาทโอะดะนิ (ญี่ปุ่น: 小谷城 โรมาจิOdani-jō) ของนะงะมะซะ และโนะบุนะงะสามารถเข้ายึดปราสาททั้งสองได้ในที่สุด โยะชิกะเงะหลบหนีไปยังปราสาทอิชิโจดะนิ (ญี่ปุ่น: 一乗谷城 โรมาจิIchijōdani-jō) ส่วนนะงะมะซะกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิต โนะบุนะงะยกทัพตามไปปิดล้อมปราสาทอิชิโจดะนิ จนกระทั่งเข้ายึดปราสาทได้ และโยะชิกะเงะกระทำการเซ็ปปุกุเสียชีวิตไปเช่นเดียวกับนะงะมะซะ

นอกจากนี้ โนะบุนะงะยังทำการปราบปรามกบฏอิกโก อิกกิ (ญี่ปุ่น: 一向一揆 โรมาจิIkkō-ikki) อันเป็นการรวมตัวกันของพระสงฆ์และชาวบ้านท้องถิ่นเพื่อต่อต้านการปกครองของชนชั้นซะมุไร มีฐานที่มั่นอยู่ที่วัดฮงงัง (ญี่ปุ่น: 本願寺 โรมาจิHongan-ji) บนเขาอิชิยะมะ (ญี่ปุ่น: 石山 โรมาจิIshiyama) เมืองโอซะกะในปัจจุบัน ในค.ศ. 1570 โนะบุนะงะยกทัพเข้าทำการปิดล้อมเขาอิชิยะมะแต่ถูกทัพของอิกโก-อิกกิขับไล่ออกไปได้ ปีต่อมาค.ศ. 1571 โนะบุนะงะยกทัพเข้าโจมตีเมืองนะงะชิมะ (ญี่ปุ่น: 長島 โรมาจิNagashima) จังหวัดมิเอะในปัจจุบัน อันเป็นฐานที่มั่นอีกแห่งหนึ่งของอิกโก-อิกกิ หลังการโจมตีหลายครั้งในที่สุดเมืองนะงะชิมะก็เสียให้แก่โนะบุนะงะในค.ศ. 1574 ในค.ศ. 1576 โนะบุนะงะยกทัพเข้าทำการปิดล้อมเขาอิชิยะมะอีกครั้ง จนกระทั่งโนะบุนะงะสามารถเข้ายึดวัดฮงงังบนเขาอิชิยะมะได้ในค.ศ. 1580 หลังจากการปิดล้อมอยู่นานถึงสี่ปี เป็นการปิดล้อมครั้งยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น กบฏอิกโก-อิกกิจึงถูกปราบลงได้สำเร็จ

รวมทั้งโนะบุนะงะยังได้ทำการปราบโซเฮ (ญี่ปุ่น: 僧兵 โรมาจิSōhei) หรือพระนักรบ อันเป็นกองกำลังทหารที่สำคัญในภูมิภาคคันไซมาแต่ยุคเฮอัง มีฐานที่มั่นที่วัดเองยะกุ (ญี่ปุ่น: 延暦寺 โรมาจิEnryaku-ji) บนเขาฮิเอะอิ (ญี่ปุ่น: 比叡 โรมาจิHiei) จังหวัดชิงะในปัจจุบัน เนื่องจากโซเฮได้ให้การสนับสนุนแก่ตระกูลอะซะกุระและตระกูลอะซะอิในการต่อต้านโนะบุนะงะ ในค.ศ. 1571 โนะบุนะงะเข้ายึดเขาฮิเอะอิ ทำการกวาดล้างพระนักรบไปจนหมดสิ้น และในค.ศ. 1573 โนะบุนะงะทำการปลดโชกุนอะชิกะงะ โยะชิอะกิ ออกจากตำแหน่ง ล้มเลิกระบอบการปกครองของโชกุน เป็นการสิ้นสุดรัฐบาลโชกุนมุโระมะชิที่มีมายาวนานถึงสองร้อยกว่าปี

รวมอำนาจในภูมิภาคตะวันออก

อาณาเขตภายใต้การปกครองของโอะดะ โนะบุนะงะ เมื่อถึงแก่กรรมค.ศ. 1582

หลังจากที่โนะบุนะงะวางรากฐานอำนาจในเมืองเกียวโตภูมิภาคคันไซได้อย่างมั่นคงแล้ว จึงหันความสนใจไปทางตะวันออก ในขณะนั้นภาคตะวันออกของญี่ปุ่นมีไดเมียวผู้ทรงอำนาจสองคนกำลังแย่งชิงความเป็นใหญ่ได้แก่ ทะเกะดะ ชิงเง็น (ญี่ปุ่น: 武田信玄 โรมาจิTakeda Shingen) ไดเมียวแห่งแคว้นคะอิ (ญี่ปุ่น: 甲斐 โรมาจิKai) จังหวัดยะมะนะชิในปัจจุบัน และอุเอะซุงิ เค็งชิง (ญี่ปุ่น: 上杉謙信 โรมาจิUesugi Kenshin) ไดเมียวแห่งแคว้นเอะจิโงะ (ญี่ปุ่น: 越後 โรมาจิEchigo) จังหวัดนิอิงะตะในปัจจุบัน ในค.ศ. 1572 โชกุนโยะชิอะกิได้ร้องขอให้ทะเกะดะชิงเง็นช่วยปราบโนะบุนะงะ ชิงเง็นจึงยกทัพเข้ารุกรานแคว้นโทะโตะมิ อันเป็นดินแดนของโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ โนะบุนะงะจึงส่งอิเอะยะซุไปทำการปราบทะเกะดะชิงเง็๋น ปรากฏว่าประสบกับความพ่ายแพ้ราบคาบต่อตระกูลทะเกะดะในยุทธการมิกะตะงะฮะระ (ญี่ปุ่น: 三方ヶ原の戦い โรมาจิMikatagahara-no-tatakai) แต่โชคก็เข้าข้างโนะบุนะงะเมื่อชิงเง็นได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันในปีต่อมาค.ศ. 1573 ทะเกะดะ คะซึโยะริ (ญี่ปุ่น: 武田勝頼 โรมาจิTakeda Katsuyori) ไดเมียวแห่งคะอิคนใหม่ยังอายุน้อยขาดประสบการณ์ ได้ยกทัพตระกูลทะเกะดะเข้าปิดล้อมปราสาทนะงะชิโนะ (ญี่ปุ่น: 長篠城 โรมาจิNagashino-jō) ของตระกูลโทะกุงะวะในค.ศ. 1575 แต่พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงในยุทธการนะงะชิโนะ

เมื่อโนะบุนะงะประสบความสำเร็จในภูมิภาคตะวันออก ทำให้ไดเมียวอุเอะซุงิ เค็งชิง เกรงว่าโนะบุนะงะจะแผ่ขยายอำนาจเข้าครอบงำภาคตะวันออกได้สำเร็จ จึงเข้าร่วมกับตระกูลทะเกะดะต่อต้านการขยายดินแดนของโนะบุนะงะ ด้วยการรุกรานแค้วนโนะโตะ (ญี่ปุ่น: 能登 โรมาจิNoto จังหวัดอิชิกะวะในปัจจุบัน) โนะบุนะงะส่งขุนพลระดับสูงเข้าต้านทานในยุทธการเทะโดะริกะวะ (ญี่ปุ่น: 手取川の戦い โรมาจิTedorigawa-no-tatakai) ในค.ศ. 1577 ผลปรากฏว่าฝ่ายของโนะบุนะงะพ่ายแพ้ ตระกูลอุเอะซุงิเข้ายึดแคว้นโนะโตะได้ แต่ทว่าไดเมียวอุเอะซุงิเค็งชินได้ถึงแก่กรรมในอีกห้าเดือนต่อมาในค.ศ. 1578 ทำให้ไดเมียวผู้มีอำนาจเพียงพอที่จะต้านทานการรุกรานของโนะบุนะงะหมดสิ้นไป โนะบุนะงะจึงสามารถเข้าครอบครองญี่ปุ่นภาคตะวันออกได้ในที่สุด