ไซเดอร์ (
อังกฤษ: cider) เป็น
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หมักทำจากน้ำ
แอปเปิลไม่กรอง ปริมาณแอลกอฮอล์ในไซเดอร์แปรผันตั้งแต่ 1.2%
แอลกอฮอล์โดยปริมาตรถึง 8.5% หรือกว่านั้นในไซเดอร์อังกฤษ และ 3.5% ถึง 12% ในไซเดอร์ภาคพื้นทวีป
[1] ตามกฎหมายสหราชอาณาจักร ไซเดอร์ต้องมีน้ำแอปเปิล (สดหรือจากเข้มข้น) อย่างน้อย 35%
[2] แม้กลุ่มรณรงค์เพื่อเอลจริง (Campaign for Real Ale, CAMRA) ระบุว่า "ไซเดร์จริง" ต้องมีน้ำแอปเปิลสดอย่างน้อย 90%
[3] ในสหรัฐอเมริกา มีขั้นต่ำ 50%
[4] ในประเทศฝรั่งเศส ไซเดอร์ต้องทำจากแอปเปิลอย่างเดียว
[5] ในปี 2557 การศึกษาโดย
เดอะเดลีเทเลกราฟ พบว่า ไซเดอร์ตลาดหนึ่ง
ไพนต์ (บัลเมอส์) มีน้ำตาลห้าช้อนชา (20.5 ก.) เกือบเท่าการแนะนำปริมาณบริโภคน้ำตาลเติม (added sugar) ต่อวันของผู้ใหญ่ขององค์การอนามัยโลก และเป็น 5–10 ของปริมาณน้ำตาลใน
ลาเกอร์หรือ
เอล[6]ในสหรัฐอเมริกาและบางส่วนของแคนาดา เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอภิปรายในบทความนี้โดยทั่วไปเรียก "ไซเดอร์แรง" (hard cider) ส่วน "ไซเดอร์" โดยทั่วไปหมายถึง น้ำแอปเปิลไม่กรองไม่มีแอลกอฮอล์ซึ่งมีรสหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ ต่างออกไป การเติมน้ำตาลหรือผลไม้เพิ่มก่อนการหมักครั้งที่สองเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มผลลัพธ์ เครื่องดื่มแอปเปิลซึ่งมีแอลกอฮอล์โดยมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงกว่า (>10%) คือ "ไวน์แอปเปิล"
[7][8]สามารถน้ำแอปเปิลหลายชนิดทำไซเดอร์ แต่พันธุ์ปลูกเฉพาะที่ปลูกเพื่อทำไซเดอร์เรียก แอปเปิลไซเดอร์
[9] ไซเดอร์ได้รับความนิยมใน
สหราชอาณาจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เวสต์มิดแลนส์ เซาท์เวสต์อิงแลนด์และ
อีสต์แองเกลีย และมีอยู่ในมุมของประเทศ สหราชอาณาจักรมีการบริโภคต่อหัวสูงสุด และยังเป็นที่ตั้งของบริษัทผู้ผลิตไซเดอร์ใหญ่ ๆ ของโลก
[10] ซึ่งรวมเอช. พี. บัลเมอร์ บริษัทใหญ่สุด
[11] ในปี 2549 สหราชอาณาจักรผลิตไซเดอร์ 600 ล้านลิตรต่อปี
[12]เครื่องดื่มดังกล่าวยังเป็นที่นิยมและเป็นของพื้นเมืองในประเทศยุโรปอื่นอย่างประเทศไอร์แลนด์ ฝรั่งเศสตอนเหนือ (โดยเฉพาะ
เบรอตาญและ
นอร์ม็องดี) สเปนตอนเหนือ และ
บาสก์คันทรี (Basque Country) ยุโรปกลางยังมีไซเดอร์ประเภทของตัวโดยเฉพาะ ชาวเยอรมันใน
ไรน์แลนด์-พาลาทิเนตและ
ฮัสเซอ (
ฟรังค์ฟุร์ทอัมไมน์) ดื่ม เช่นเดียวกับประเทศโปแลนด์ ประเทศผู้ผลิตแอปเปิลใหญ่สุดของทวีปยุโรป ประเทศอาร์เจนตินายังเป็นประเทศผู้ผลิตและดื่มไซเดอร์ โดยเฉพาะจังหวัดเรียวเนโกรและเมนโดซา ประเทศออสเตรเลียยังผลิตไซเดอร์ โดยเฉพาะเกาะ
แทสเมเนีย ซึ่งมีประเพณีปลูกแอปเปิลอย่างยาวนานผลิตภัณฑ์คล้ายกันซึ่งทำจากน้ำแพร์ เรียก เพอร์รี (perry) หรือบ้างเรียก ไซเดอร์แพร์ แม้บางคนไม่ยอมรับการใช้คำนี้
[13] บางองค์การ (อย่าง CAMRA) แย้งว่าคำว่า "ไซเดอร์แพร์" ทำให้ทั้งไซเดอร์และเพอร์รีเสียหาย
[3]