บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ไนต์วิช (
อังกฤษ: Nightwish) เป็นวงดนตรีประเภท
ซิมโฟนิกเมทัลร้องเพลง
ภาษาอังกฤษจาก
ประเทศฟินแลนด์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1996 โดยนักร้องนำ-ประสานเสียงชาย นักแต่งเพลงหลักและมือคีย์บอร์ด ตัวมัส โฮโลไปเนน มือกีตาร์ เอมป์ปุ วัวริเนน และนักร้องนำหญิง ตารยา ตุรุเนน วงได้มือกลอง ยุกกา เนวาไลเนน และมือเบส ซามิ แวนสแก เข้าร่วมอัดในสตูดิโอแรก แองเจิลส์ฟอลเฟิร์สท (Angels Fall First) (1997) ในปี 2002 แวนสแก ก็ได้ออกจากวงและได้มาร์โก เฮียตาลา มาเล่นเบสให้แทน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเล่นตำแหน่งร้องเสียงชาย ก่อนจะมาเป็นโฮโลไปเนนในปัจจุบัน
[1]ไนต์วิทช์ได้กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในวงผู้บุกเบิกวงการซิมโฟนิกเมทัล โดยเฉพาะเอกลักษณ์ทางเสียงอันโดดเด่นของตูรูเนนที่นำเอาเสียงร้องแบบโอเปราเข้ามาผสมกับดนตรีเมทัล รวมถึงเนื้อเพลงที่เกี่ยวข้องบทละครดรามา ละคร
โศกนาฏกรรม จนทำให้ยกย่องว่าเป็น "โอเปราเมทัล" ซึ่งมีอิทธิพลต่อศิลปินอื่นอีกเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดแนวย่อยขึ้นมาอีกหลายสาย นอกจากการร้องเสียงหญิงโดยหลักแล้ว วงมักจะใช้เสียงชายมาร้องประกอบเกือบทุกซิงเกิล โดยมีโฮโลไปเนนเป็นผู้ร้อง แต่ก็มีซิงเกิลอย่าง "While Your Lips Are Still Red" ที่ร้องโดยมาร์โก เฮียตาลาทั้งเพลงแม้ว่าไนต์วิชจะมีชื่อเสียงอย่างมากในประเทศฟินแลนด์นับตั้งแต่อัลบั้มเปิดตัว แต่วงก็ไม่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันในระดับนานาชาติ จนกระทั่งได้ออกอัลบั้ม โอเชียนบอร์น (Oceanborn) (1998) วิชมาสเตอร์ (Wishmaster) (2000) และ เซนจูรีชายด์ (Century Child) (2002) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอัลบั้ม วันซ์ (Once) ที่จำหน่ายได้มากถึง 1 ล้านก็อปปี้
[2] วงได้เข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา ด้วยซิงเกิลฮิตอย่าง "Wish I Had an Angel" (2004) ซึ่งได้รับกระแสตอบรับจากทั้งออกอากาศผ่าน
เอ็มทีวี และรวมไปถึงเป็นซาวด์แทร็กในภาพยนตร์ของสหรัฐถึง 3 เรื่องเพื่อเป็นการโปรโมตทัวร์ของวงใน
อเมริกาเหนือ[3][4] นอกจากนี้ในอัลบั้ม วันซ์ วงยังได้ออกโบนัสซิงเกิลไปอีก 2 ซิงเกิลและทำมิวสิกวีดิโออีก 3 วีดิโอ เช่นเดียวกับนำซิงเกิล "Sleeping Sun" มาบันทึกเสียงใหม่ ในอัลบั้ม ไฮเอสต์โฮปส์ (Highest Hopes) (2005) ซึ่งเป็นอัลบั้มเรียบเรียงซิงเกิลฮิตอีกด้วย ก่อนที่ทูรูเนินจะออกจากวงในเดือนตุลาคม 2005
[3] ก็ได้ร่วมบันทึกเสียง
อัลบั้มแสดงสด เอนด์ออฟเอรา (End of an Era) ภายหลังจบคอนเสิร์ต สมาชิกวงก็ได้ออกมาเปิดเผยจดหมายของตุรุเนนว่าไม่อาจจะอยู่กับไนต์วิชได้ต่อไปในเดือนพฤษภาคม 2007 ไนต์วิชประกาศนักร้องนำหญิงใหม่ อาเนตต์ อูลซอน
[5] ในเดือนกันยายนปีเดียวกัน วงก็ได้ออกอัลบั้มที่ 6 ดาร์คแพสชันเพลย์ (Dark Passion Play) ซึ่งจำหน่ายได้เกือบ 2 ล้านก็อปปี้ โดยมีซิงเกิลหลักอย่าง "Amaranth" ที่เป็นหนึ่งในซิงเกิลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุโรปของไนต์วิช
[6] ตามมาด้วยทัวร์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทัวร์ที่ยิ่งใหญ่และยาวนานที่สุดของวงซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2007 ไปจนกระทั่งวันที่ 19 กันยายน 2009
[7][8] วงได้ออกอีพี/อัลบั้มแสดงสด เมดอินฮ่องกง (แอนด์อินวาเลียซออเทอร์เพลสเซส) (Made in Hong Kong (And in Various Other Places)) และเดือนมีนาคม 2009 ในรูปแบบซีดี/ดีวิดี ในช่วงปลายปี 2011/ต้น 2012 วงได้ออกอัลบั้มซึ่งจำหน่ายในวันไม่ตรงกัน อิมเมจิเนรัม (Imaginaerum)
[2][9]ในวันที่ 1 ตุลาคม 2012 ไนต์วิชประกาศออลซันได้ออกจากวงในช่วงทัวร์โดยได้อดีตนักร้องหญิงนำวง รีแวมพ์ (ReVamp)
โฟลร์ ยันเซิน (Floor Jansen)
[10][11] มาแทนจนถึงปัจจุบัน และเดือนมีนาคม 2015 ไนต์วิชก็ได้ออกอัลบั้ม เอนด์เลสฟอร์มสโมสต์บิวตีฟูล (Endless Forms Most Beautiful) ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกที่ยันเซนได้มาร่วมอัดสตูดิโออัลบั้มไนต์วิช เป็นวงที่ประสบความสำเร็จได้ด้านยอดขายเป็นอันดับที่ 3 ในฟินแลนด์ ด้วยยอดการยืนยันจำหน่ายประมาณ 900,000 ก็อปปี้
[12][13][14][15][16] ไนต์วิชยังถือว่าเป็นวงที่สร้างชื่อเสียงให้กับฟินแลนด์มากที่สุด เป็นวงที่ไปโด่งดังในระดับนานาชาติเพียงไม่กี่วงของฟินแลนด์ ด้วยยอดจำหน่ายทั่วโลกมากกว่า 8 ล้านก็อปปี้และได้รับการยืนยันการจำหน่ายมากกว่า 60 ทองและแพลตตินัม มีอัลบั้มที่เปิดตัวด้วยอันดับ 1 ถึง 5 อัลบั้มและอันดับ 1 บนชาร์ทกว่า 13 ซิงเกิล
[17]