ระบบการเล่น ของ ไฟนอลแฟนตาซี_XIII

การต่อสู้

ไฟนอลแฟนตาซีภาคนี้มีตัวละครที่บังคับได้ในฉากต่อสู้ 3 ตัว การบังคับตัวละครสามารถบังคับได้อิสระเพียงตัวเดียว ส่วนอีกสองตัวจะใช้ระบบออปติมา หรือพาราไดม์ในภาคภาษาอังกฤษ เพื่อกำหนดบทบาทตัวละครว่าจะเน้นการกระทำแบบใดในการต่อสู้ โดยออปติมาจะมีทั้งหมด 6 แบบ ซึ่งทั้ง 6 แบบสามารถตั้งให้ตัวละครที่ควบคุมได้สูงสุด 6 ชุด โดยระหว่างการต่อสู้สามารถเปลี่ยนแผนของกลุ่ม แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแผนเฉพาะตัวได้ โดยออปติมาทั้งหมด มีดังนี้

ชื่ออังกฤษชื่อญี่ปุ่น
อักษรโรมัน
ชื่อญี่ปุ่น
อักษรคะตะกะนะ
คำอธิบาย
Commando-COMAttacker-ATKアタッカーโจมตีอย่างรุนแรง
Ravager-RAVBlaster-BLAブラスターโจมตีต่อเนื่องและโจมตีด้วยเวทย์เพื่อเพิ่มแถบเบรก
Sentinal-SENDefender-DEFディフェンダーป้องกันตนเองและเพื่อน
Saboteur-SABJammer-JAMジャマーสร้างความรำคาญด้วยเวทย์สายตัดกำลัง
Medic-MEDHealer-HLRヒーラーฟื้นฟูพลังชีวิต
Synergist-SYNEnhancer-ENHエンハンサーเสริมความแข็งแกร่งด้วยเวทย์สนับสนุน

ก่อนการต่อสู้ ตัวละครจะสามารถเห็นตัวศัตรู และค่าพลังชีวิต (HP) ของศัตรูได้ก่อนการต่อสู้ เมื่อสัมผัสศัตรูจะมีการตัดคัทซีนเข้าสู่ฉากต่อสู้แทบจะทันที และเมื่อจบการต่อสู้ เกมจะแสดงเวลาในการกำจัดศัตรู คอมโบสูงสุด จำนวนการโจมตีเบรก และการประเมินการต่อสู้ในแต่ละรอบ แสดงเป็นจำนวนดาว สูงสุดที่ 5 ดาว

สำหรับระบบการต่อสู้จะนำระบบแอกทีฟไทม์แบทเทิล (ATB) กลับมาใช้อีกครั้ง โดยเป็นการใส่คำสั่งโดยมีการกำหนดในแต่ละคำสั่งว่าจะใช้แถบ ATB กี่หลอด (เรียกค่า ATB ในแต่ละคำสั่งว่า "คอสต์พอยท์") เมื่อใส่คำสั่งแล้วเมื่อแถบเวลาเต็มตัวละครจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนหมดเทิร์นของตัวละครนั้นๆ ดังนั้นเวทมนตร์ในภาคนี้จะไม่ใช้ค่า MP จำนวนหลอด ATB จะเพิ่มเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เช่น ได้มนต์อสูร เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งบางส่วนที่ต้องใช้ค่าเทคนิค (TP) ซึ่ง TP จะเพิ่มมาเมื่อจบการต่อสู้ เช่น การดูข้อมูลศัตรู การเรียกมนต์อสูรประจำตัว และเวทย์บางชนิด เป็นต้น โดยในเทรลเลอร์แรกที่ออกมานั้น คำสั่งจะเรียงลงมาในแนวตั้ง และมีการกำหนดค่า ATB สูงสุด แต่ในตัวเกมจริงคำสั่งจะเรียงในแนวนอน 2 แถว และ ATB จะแสดงเฉพาะเวลารอคำสั่ง ซึ่งสามารถใส่คำสั่งได้สูงสุด 6 คำสั่ง

สถานะเบรก หรือสแต็กเกอร์ในภาคภาษาอังกฤษ เป็นระบบใหม่ในภาคนี้ โดยเมื่อตัวละครโจมตีต่อเนื่องจนศัตรูตอบโต้ไม่ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ตัวศัตรูจะเรืองแสงสีเหลือง เมื่อผู้เล่นโจมตีศัตรูในสภาวะนี้จะเกิดความรุนแรงมาก สถานะเบรกมีระยะเวลาจำกัด เมื่อแถบเชนที่มุมขวาบนของจอลดลงจนหมด ภาวะเบรกจะสิ้นสุดลง หากตัวละครมีการพัฒนามาก อาจโจมตีศัตรูในสถานะเบรกได้ถึงหลักหมื่น

มนต์อสูรในภาคนี้ได้จากการต่อสู้เช่นเดียวกับไฟนอลแฟนตาซี XII และมีส่วนร่วมกับตัวละครในการต่อสู้มากขึ้น โดยระบบที่เรียกว่า ไดรฟ์โหมด หรือเกสตัลท์โหมดในภาคภาษาอังกฤษ โดยอสูรจะแปลงเป็นพาหนะให้ตัวละครขับขี่เพื่อใช้ท่าโจมตีพิเศษที่สามารถใช้ได้เฉพาะโหมดนี้ แต่ละคนจะมีมนต์อสูรได้เพียงคนละหนึ่งตัวเท่านั้น ยกเว้นสโนว์ที่มีอสูรพี่น้องฝาแฝด ซึ่งระดับหรือเลเวลของมนต์อสูรจะพัฒนาตามเลเวลของผู้ใช้ นอกจากนี้ มนต์อสูรยังมีบทบาทในเนื้อเรื่องหลักของเกมอีกด้วย

การพัฒนาตัวละครและอุปกรณ์

การพัฒนาตัวละครในไฟนอลแฟนตาซีภาคนี้จะไม่ใช้ระบบค่าประสบการณ์ แต่จะใช้ระบบคริสตัล (อังกฤษ: Crystallium System) ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบกระดานสเฟียร์ในไฟนอลแฟนตาซี X นั่นคือ เมื่อจบการต่อสู้แต่ละรอบ ตัวละครจะได้รับแต้มคริสตัล (อังกฤษ: Crystallium Points:CP) เพื่อเดินในโครงข่ายคริสตัล CP ที่ได้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับคริสตัล (อังกฤษ: Crystallium Level:CL) ซึ่งจะเพิ่มมาเองเมื่อดำเนินเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ เป็นตัวแปรสำคัญ สำหรับโครงข่ายคริสตัล มีลักษณะเป็นข่ายสามมิติ โดยในโครงข่ายจะแบ่งออกเป็น 6 สายตามสายของออปติมา แต่ละสายประกอบด้วยอบิลิตี้ที่จับกันเป็นรูปแผ่นจาน และมีอบิลิตี้อื่นๆ แตกสาขาออกไปรอบๆ การเดินในโครงข่ายจะใช้ค่า CP เป็นตัวเดิน

สำหรับอาวุธในภาคนี้จะมีระดับ (เลเวล) และค่าประสบการณ์ ซึ่งค่าดังกล่าวจะเพิ่มเมื่อผู้เล่นนำวัตถุดิบที่ได้จากมอนสเตอร์และ/หรือสมบัติตามทางมาอัพเกรดอาวุธ เมื่อค่าประสบการณ์เพิ่มถึงระดับหนึ่ง ระดับอาวุธจะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะมีผลต่อประสิทธิภาพของอาวุธ รวมทั้งรูปร่างของอาวุธจะมีการเปลี่ยนแปลงด้วย