ไฟนอลแฟนตาซี XIV: อะเรียล์มรีบอร์น เป็น
เกมออนไลน์แบบเล่นตามบทบาท (MMORPG) และเป็นส่วนหนึ่งของเกมในชุด
ไฟนอลแฟนตาซี ผลิตและพัฒนาโดย
บริษัทสแควร์อีนิกซ์ กำกับและอำนวยการสร้างโดย
นาโอกิ โยชิดะ ออกวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในระบบ
ไมโครซอฟท์วินโดวส์และ
เพลย์สเตชัน 3 เมื่อเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2013 แทนการปิดตัวของเกม
ไฟนอลแฟนตาซี XIV ฉบับเดิม และฉบับสำหรับระบบ
เพลย์สเตชัน 4 กับ
โอเอสเท็นออกวางจำหน่ายในเวลาต่อมา เกมนี้ดำเนินเรื่องในโลกสมมติเอออร์เซียในช่วงเวลา 5 ปี หลังเหตุการณ์ในตอนท้ายของเกมฉบับเดิมที่ปิดตัวลง เมื่อมังกรบาฮามุตหนีออกมาจากคุกดวงจันทร์และทำให้เกิดภัยพิบัติอัมบราลครั้งที่เจ็ดซึ่งทำลายล้างอาณาจักรเอออร์เซียไปจนเกือบหมด แต่ด้วยพรของเทพ (ตามท้องเรื่อง) ได้ช่วยให้ตัวละครผู้เล่นทั้งหลายรอดจากภัยพิบัติและข้ามเวลามายัง 5 ปีในอนาคต ในขณะที่เอออร์เซียกำลังฟื้นตัว
ผู้เล่นจะต้องมีหน้าที่รับมือกับภัยพิบัติการรุกรานครั้งใหม่จากอาณาจักรการ์แลนด์ทางตอนเหนือเกมไฟนอลแฟนตาซี XIV ฉบับเดิมที่ออกจำหน่ายเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2010 ประสบความล้มเหลวทั้งด้านรายได้และคำวิจารณ์
โยอิชิ วาดะ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานบริษัทสแควร์อีนิกซ์ในขณะนั้นจึงตัดสินใจให้ทีมงานชุดใหม่ซึ่งนำโดยโยชิดะเข้ามาดูแลเกมนี้แทนทีมงานชุดเดิมเพื่อพยายามแก้ไขความผิดพลาด ทีมงานชุดใหม่นี้ผลิตเนื้อหาให้กับเกมฉบับเดิมไปพร้อมๆ กับสร้างเกมฉบับใหม่ซึ่งจะแก้ไขข้อผิดพลาดทั้งหมด โดยเกมฉบับใหม่นี้แต่เดิมถูกเรียกว่า "เวอร์ชัน 2.0" ใช้
เกมเอนจินตัวใหม่ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของเซิร์ฟเวอร์ สร้างรูปแบบการเล่น ส่วนติดต่อผู้ใช้ และเนื้อเรื่องขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เกมฉบับเดิมปิดตัวลงเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 หลังจากนั้นอัลฟาเทสท์ของเวอร์ชัน 2.0 ก็เริ่มต้นขึ้นเกมฉบับใหม่นี้ได้รับเสียงตอบรวมในทางบวกเป็นส่วนใหญ่ นักวิจารณ์ชื่นชมกลไกและการดำเนินไปของของเกมที่สอดประสานกันอย่างแน่นหนา และต่างชื่นชมโยชิดะที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้ ผู้บริหารบริษัทสแควร์อีนิกซ์มองว่าการที่บริษัทพลิกกลับมามีกำไรใน ค.ศ. 2014 เป็นผลจากการที่เกมนี้มียอดขายและยอดผู้สมัครใช้บริการเป็นจำนวนมาก สถิติเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2020 พบว่ามีผู้ใช้ที่ลงทะเบียนแล้วกว่า 20 ล้านคน หลังจากออกจำหน่ายแล้วเกมนี้ยังมีการปรับปรุงและเพิ่มเติมเนื้อหาอีกหลายครั้ง ซึ่งในจำนวนนั้นมี
ภาคเสริมใหญ่อยู่ 3 ภาค ได้แก่
เฮเวนส์เวิร์ด (2015),
สตอร์มบลัด (2017),
ชาโดว์บริงเกอร์ (2019), และ
เอนด์วอล์กเกอร์ (2021)