ไรโบส
ไรโบส

ไรโบส

95 °C, 368 K, 203 °F ไรโบส (อังกฤษ: Ribose) เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และคาร์โบไฮเดรต ที่มีสูตรโมเลกุล C5H10O5 และมีองค์ประกอบเขียนแบบแนวราบคือ H−(C=O)−(CHOH)4−H ไรโบสในรูปที่พบทั่วไปในธรรมชาติคือ ดี-ไรโบส (d-ribose) นั้นเป็นองค์ประกอบของไรโบนิวคลีโอไทด์ ซึ่งก่อขึ้นเป็น RNA ดังนั้นสารประกอบนี้จึงจำเป็นต่อการโค้ด, ทรานสเลชั่น, เรกูเลชั่น และการแสดงออกของยีน คู่คล้ายกันทางโครงสร้างของไรโบสคือดีออกซีไรโบสซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญเหมือน ๆ กันของ DNA ไรโบสในอีกรูปหนึ่งคือ แอล-ไรโบส (l-Ribose) นั้นเป็นน้ำตาลที่ไม่เกิดขึ้นในธรรมชาติ มีการสังเคราะห์ครั้งแรกโดย เอมิล ฟิสเกอร์ (Emil Fischer) กับ ออสการ์ พิลอที (Oscar Piloty) ในปี 1891[1] จนกระทั่งในปี 1909 เฟอบุส เลวีน (Phoebus Levene) และวอลเตอร์ เจคอบส์ (Walter Abraham Jacobs) ได้ระบุให้ดี-ไรโบสเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (natural product), อีแนนทิโอเมอร์ ของฟิสเกอร์และพิลอที และเป็นองค์ประกอบของกรดนิวคลีอิก[2][3][4] ฟิสเกอร์เลือกชื่อ "ไรโบส" เพราะว่าไรโบสนั้นเป็นการจัดเรียงใหม่บางส่วนของชื่อของน้ำตาลอีกชนิดหนึ่ง อาระบิโนส (arabinose) ที่ซึ่งไรโบสเป็นเอพิเมอร์ ที่คาร์บอน 2' ทั้งสองชื่อนี้จริง ๆ มีรากฐานมาจากกัมอารบิก (gum arabic) ที่ซึ่งใช้ในการเตรียมทั้งอาระบิโนสและแอล-ไรโบสในครั้งแรก[4][5]ไรโบนิวคลีโอไซด์อะดีโนซีน, ไซตินีน, กวาโนซีน และ ยูรีดีน ล้วนเป็นอนุพันธ์ของบีตา-ดี-ไรโบฟิวราโนส (β-d-ribofuranose) จำพวกที่จำเป็นต่อกระบวนการเมตาบอลิกซึ่งประกอบด้วยphosphorylated ribose ได้แก่ ADP, ATP, coenzyme A,[6]:228–229 และ NADH ส่วน cAMP และ cGMP ทำหน้าที่เป็นตัวขนส่งรอง (secondary messengers) ในบางวิถีส่งสัญญาณ (signaling pathways) และเป็นอนุพันธ์ไรโบสเช่นกัน ส่วนครึ่งหนึ่ง (moiety) ไรโบสสามารถพบได้ในสารทางเภสัชวิทยา เช่นยาปฏิชีวนะ neomycin และ paromomycin[7]