ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน[lower-alpha 1] (
เยอรมัน: Einsatzgruppen, "
กำลังรบเฉพาะกิจ"
[1] "deployment groups")
[2] เป็นหน่วยทีมสังหารของกองกำลังกึ่งทหารหน่วยเอสเอสของ
นาซีเยอรมนีที่มีส่วนรับผิดชอบต่อการสังหารหมู่ โดยส่วนใหญ่เป็นการยิงเป้า ระหว่าง
สงครามโลกครั้งที่สอง (1939–45) ไอน์ซัทซ์กรุพเพินมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารหมู่เหล่าปัญญาชน รวมถึงสมาชิกของพระนักบวช.และมีบทบาทสำคัญในปฏิบัติการขั้นตอนสุดท้ายที่ถูกเรียกว่า
การแก้ปัญหาชาวยิวครั้งสุดท้าย (Final solution to the Jewish question; Die Endlösung der Judenfrage) ในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยนาซีเยอรมนี เหยื่อเกือบทั้งหมดที่ถูกสังหารโดยไอน์ซัทซ์กรุพเพิ่นคือพลเรือน โดยเริ่มต้นจากกลุ่มปัญญาชนและเหล่านักบวช ก่อนจะก้าวไปยังนักการเมืองโซเวียตคอมมิสซาร์ ชาวยิวและชาวยิปซี ซึ่งถูกข้อกล่าวหาว่า ได้เข้าร่วมกับกลุ่มพลพรรค (partisans) ตลอดทั่วยุโรปตะวันออกภายใต้การนำของไรซ์ฟือเรอร์-เอสเอส
ไฮน์ริช ฮิมม์เลอร์และการกำกับดูแลของ
ไรน์ฮาร์ท ไฮดริช ไอน์ซัทซ์กรุพเพินได้ปฏิบัติการในดินแดนที่ถูกยึดครองโดยกองทัพเยอรมันภายหลังจาก
การบุกครองโปแลนด์ในเดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1939 และ
ปฏิบัติการบาร์บารอสซา (การรุกรานสหภาพโซเวียต) ได้เริ่มปฏิบัติการจาก
โปแลนด์ภายใต้การยึดครองในเดือน มิถุนายน ปี ค.ศ. 1941 ไอน์ซัทซ์กรุพเพินได้ทำงานร่วมมือกันกับ
กองพันตำรวจออโป (Orpo-Ordnungspolizei) ใน
แนวรบด้านตะวันออกเพื่อปฏิบัติการตั้งแต่การสังหารเพียงไม่กี่คนต่อการปฏิบัติการซึ่งกินเวลานานกว่าสองวันหรือมากกว่า เช่น การสังหารหมู่ที่
เบบี้ ยาร์ (Babi Yar) ด้วยชาวยิวเสียชีวิตจำนวน 33,771 คน และการสังหารหมู่ที่รัมบูล่า (Rumbula) (ด้วยประมาณ 25,000 คนถูกฆ่าตายในสองวันจากการยิงเป้า) ตามคำสั่งของผู้นำนาซี
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ กองทัพ
เวร์มัคท์ได้ร่วมมือกับไอน์ซัทซ์กรุพเพินและจัดเตรียมการส่งกำลังบำรุงจากการปฏิบัติการของพวกเขา นักประวัติศาสตร์ที่ชื่อว่า Raul Hilberg ได้ประเมินว่า ระหว่างปี ค.ศ. 1941–1945 ไอน์ซัทซ์กรุพเพินและกองกำลังเสริมที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ทำการสังหารผู้คนไปกว่าสองล้านคนรวมทั้งชาวยิว 1.3 ล้านคน ชาวยิวจำนวนทั้งหมดที่ถูกสังหารใน
การฆ่าล้างเผ่าพันธ์โดยนาซี ด้วยจำนวนประมาณ 5.5 ถึง 6 ล้านคนภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้สิ้นสุดลง ผู้นำระดับอาวุโสจำนวน 24 คนในหน่วยไอน์ซัทซ์กรุพเพินถูกจับกุมและดำเนินคดีใน
การพิจารณาคดีไอน์ซัทซ์กรุพเพิน ในปี ค.ศ. 1947–48 โดยข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติและสงคราม ได้มีการพิพากษาโทษประหารชีวิตไปจำนวนสิบสี่คนและสองคนได้ถูกจำคุกตลอดชีวิต ส่วนผู้นำของไอน์ซัทซ์กรุพเพินอีกสี่คนได้พยายามต่อสู้คดีในภายหลังและถูกพิพากษาโทษจากประเทศอื่น ๆ