กรณีอัยน์อัลเราะมานะฮ์ (
อาหรับ: مجزرة بوسطة عين الرمانة ,مجزرة عين الرمانة; Ain el-Rammaneh incident) หรือ
การสังหารหมู่บนรถบัสในเบรุต ปี 1975 (1975 Beirut bus massacre) เป็นชื่อเรียกรวมเหตุการณ์การปะทะกันสั้น ๆ ระหว่าง
กองกำลังกะตาอิบ กับ
แนวร่วมปาเลสไตน์ บนถนนในนคร
เบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งนิยมมองกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ
สงครามกลางเมืองเลบานอนที่กินระยะเวลาอีกนับสิบปีหลังจากนั้น
[1]ในเช้าวันที่ 13 เมษายน 1975 ด้านนอกโบสถ์นอทร์ดามเดอลาเดลีวร็องซ์ (Church of Notre Dame de la Delivrance) ในชุมชน
ชาวแมรอนไนต์ อัยน์อัลเราะมานะฮ์ ใน
เบรุตตะวันออก เมื่อสมาชิกกองโจรของ
กองกำลังปลดแอกปาเลสไตน์ (PLO) ราวยี่สิบคนแกว่งยิงปืนกลขึ้นฟ้ากันตามธรรมเนียม (
อาหรับ: Baroud) จากบนรถ
[2] ในขณะที่นักรบในเครื่องแบบของ
กองกำลังตรวจตรากะตาอิบ (KRF) ของ
พรรคกะตาอิบ[3] กำลังปิดถนนด้านหน้าโบสถ์ซึ่งในเวลานั้นกำลังประกอบพิธีศีลจุ่มครอบครัวอยู่ กลุ่มปาเลสไตน์ปฏิเสธที่จะขับรถออกไปทางอื่น กลุ่มกะตาอิบซึ่งกังวลใจจึงพยายามเข้าไปปรามโดยใช้กำลัง ซึ่งนำไปสู่การตะลุมบอนกันจนมีผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เป็นเรื่องประหลาดระหว่างสองกลุ่ม และดูไม่ได้เป็นประเด็นใด ๆ ในเวลานั้น กระนั้น ในราวชั่วโมงให้หลัง ที่เวลาประมาณสิบโมงครึ่ง กลุ่มชายพกอาวุธปืนกลุ่มหนึ่งลงจากรถที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของ
แนวหน้าประชาชนเพื่อปลดแอกปาเลสไตน์ (PFLP) ซึ่งเป็นกองพันย่อยของ PLO และทำการกราดยิงภายในโบสถ์หลังดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตสี่ราย
[4][5][6] ทั้งหมดเป็นทหารของกะตาอิบ โดยหนึ่งรายเป็นนายทหารระดับสูงและบิดาของเด็กที่กำลังประกอบพิธีศีลจุ่มหลังจากเหตุการณ์นี้ กองกำลัง KRF ร่วมกับ
NLP กองพันพยัคฆ์ ทำการปิดกั้นถนนต่าง ๆ ตั้งจุดหยุดรถเพื่อตรวจเอกสารประจำตัวในย่าน
อัยน์อัลเราะมานะฮ์และย่านชาวคริสต์อื่น ๆ ในเบรุตตะวันออก
[7] ส่วนในเบรุตอีกฟากหนึ่งซึ่งเป็นชุมชนมุสลิมเป็นหลักก็มีกองกำลังของปาเลสไตน์ทำเช่นเดียวกันฝั่งกะตาอิบเชื่อว่าผู้ก่อเหตุที่โบสถ์เป็นกองโจรปาเลสไตน์ จึงทำการวางแผนตอบโต้ขึ้นทันที
[8] ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น รถบัสของ PLO ซึ่งบรรทุกสมาชิกของ
แนวหน้าปลดแอกอาหรับ (ALF) และพลเมืองชาวเลบานอนที่สนับสนุนปาเลสไตน์ซึ่งกำลังเดินทางกลับจากการเดินขบวนการเมืองที่
เตลเอลซะอาอ์ตะร์[9] ขับผ่านถนนในย่านอัยน์อัลเราะมานะฮ์ มุ่งหน้า
ค่ายผู้ลี้ภัยซะบรา ขณะที่รถบัสกำลังขับผ่านซอยแคบ ๆ หน้าโบสถ์ ได้ถูกทหารของ KRF ซุ่มโจมตีกราดยิงเข้าใส่ เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 27 ราย บาดเจ็บ 19 คน รวมคนขับ
[10][11][12]