เจ้าฟ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ หรือ
เจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ มีพระนามเดิมว่า
เจ้าฟ้านเรนทร เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ใน
สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 ที่ประสูติแต่สมเด็จพระอัครมเหสี พระองค์มีพระอนุชา 2 พระองค์ ได้แก่
เจ้าฟ้าอภัยและ
เจ้าฟ้าปรเมศร์ก่อนสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 จะเสด็จสวรรคตนั้น พระองค์ได้แสดงพระราชประสงค์ที่จะให้พระราชโอรสของพระองค์สืบต่อราชสมบัติแห่ง
กรุงศรีอยุธยา ทั้ง ๆ ที่ในขณะนั้นเจ้าฟ้าพร พระอนุชาในพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งที่
กรมพระราชวังบวรสถานมงคลอยู่ ในขั้นแรกนั้นสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 มีพระราชประสงค์ที่จะให้เจ้าฟ้านเรนทรเสด็จขึ้นครองราชย์แต่เจ้าฟ้านเรนทรไม่ทรงเห็นชอบด้วยเนื่องจากพระมหาอุปราชก็ยังคงมีพระชนม์อยู่ เจ้าฟ้านเรนทรจึงทรงออกผนวช ดังนั้น สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 9 จึงทรงยกราชสมบัติให้เจ้าฟ้าอภัย (ราชบุตรองค์รอง) สืบราชสันตติวงศ์ต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความไม่พอใจให้กับกรมพระราชวังบวรเป็นอย่างมาก จึงนำไปสู่ศึกกลางเมืองระหว่างวังหน้าและวังหลวงขึ้น โดยกรมพระราชวังบวรฯเป็นฝ่ายมีชัยและเสด็จขึ้นครองราชสมบัติทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 หรือ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ หลังจากนั้นพระองค์มีพระราชดำรัสให้นำตัว
เจ้าฟ้าอภัยและ
เจ้าฟ้าปรเมศร์ไป
สำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์ตามโบราณราชประเพณีส่วนเจ้าฟ้านเรนทรนั้นดำรงเพศบรรพชิตตลอดมา โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงสถาปนาให้
ทรงกรมที่ กรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ เจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ทรงสนิทกับพระองค์เป็นอย่างยิ่ง จนทำให้
เจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทักษ์ เกิดความระแวงและลอบทำร้ายเจ้าฟ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์แต่ไม่ทรงได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงกริ้วกรมขุนเสนาพิทักษ์มาก ได้มีพระบรมราชโองการให้จับตัวกรมขุนเสนาพิทักษ์มาให้ได้ แต่ในระหว่างกรมขุนเสนาพิทักษ์ได้เสด็จออกผนวชจึงทรงพ้นจากภัยในครั้งนี้ได้ใน คำให้การชาวกรุงเก่า ระบุว่าเจ้าฟ้านเรนทรได้พระองค์เจ้าสมบุญคงเป็นพระชายา มีพระธิดาด้วยกันสามพระองค์คือ พระองค์เจ้าพราน (ปาน), พระองค์เจ้าบุตร และพระองค์เจ้าหงส์
[1]เจ้าพระกรมขุนสุเรนทรพิทักษ์ไม่ปรากฏใน
พระราชพงศาวดารว่าสิ้นพระชนม์เมื่อใด แต่มีข้อสันนิษฐานว่าน่าจะก่อนที่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจะทรงสถาปนากรมขุนเสนาพิทักษ์ขึ้นเป็น
กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในปี พ.ศ. 2284