เมนูนำทาง
กรมหลวงพิพิธมนตรี พระราชประวัติพระพันวษาน้อย เป็นบุตรีของนายช้างทรงบาศในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยพระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุว่าเมื่อสมเด็จพระเพทราชาปราบดาภิเษก พระบิดานั้นได้รับแต่งตั้งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานพิมุข[4] แต่บัญชีพระนามเจ้านายในคำให้การชาวกรุงเก่าระบุว่า พระบิดาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าพระบำเรอภูธร ส่วนมารดาเป็นสตรีเชื้อสายพราหมณ์บ้านสมอปลือ เมืองเพชรบุรี พระองค์มีพระนามเดิมว่าพลับ มีพระเชษฐภคินีพระองค์หนึ่งคือพระองค์ขาว ซึ่งได้เป็นพระชายาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศขณะดำรงพระอิสริยยศเป็นพระบัณฑูรน้อย ส่วนพระองค์พลับต่อมาก็ได้เป็นพระชายารองในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเช่นกัน ในระหว่างดำรงพระอิสริยยศเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์พลับมีพระราชโอรส 2 พระองค์ และพระราชธิดา 6 พระองค์ ตามลำดับดังนี้[5]
พระราชพงศาวดาร ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ระบุว่าเมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศปราบดาภิเษกในปี พ.ศ. 2275 ได้แต่งตั้งพระชายารองเป็นกรมหลวงพิพิธมนตรี[6] ในตำแหน่งพระอัครมเหสีน้อย จึงออกพระนามว่าพระพันวษาน้อย
แรม 5 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2301 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศประชวรหนักใกล้สวรรคต กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (เจ้าฟ้าชายอุทุมพร) โปรดให้ทูลเชิญกรมหลวงพิพิธมนตรี เจ้าฟ้าจันทวดี และกรมขุนยี่สารเสนี ไปประทับ ณ พระตำหนักสวนกระต่าย[7] เมื่อสวรรคตแล้ว กรมพระราชวังบวรสถานมงคลจึงขึ้นสืบราชสมบัติ แต่ได้เพียง 10 วัน ก็ถวายราชสมบัติแก่กรมขุนอนุรักษ์มนตรี แล้วเสด็จออกผนวช ส่วนกรมขุนอนุรักษ์มนตรีขึ้นครองราชย์เฉลิมพระนามว่าสมเด็จพระบรมราชา แล้วโปรดให้ตั้งพระราชชนนีเป็น กรมพระเทพามาตุ แต่เมื่อถึงเดือน 12 พระราชชนนีก็เสด็จสวรรคต จึงโปรดให้ตั้งพระโกศไว้คู่กับพระโกศพระราชชนก ณ พระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ แล้วถวายพระเพลิงทั้งสองพระองค์พร้อมกันในวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 5 พ.ศ. 2303[8]
เมนูนำทาง
กรมหลวงพิพิธมนตรี พระราชประวัติใกล้เคียง
กรมหลวงโยธาเทพ กรมหลวงบาทบริจา กรมหลวงโยธาทิพ กรมหลวงพิพิธมนตรี กรมหลวงอภัยนุชิต กรมหลวงราชานุรักษ์ กรมหลวงสุโขทัยธรรมราชา กรมหลวงสงขลานครินทร์ กรมหลวงชุมพร กรมหลวงพิษณุโลกแหล่งที่มา
WikiPedia: กรมหลวงพิพิธมนตรี https://www.tmd.go.th/Thai_king_directories.pdf