กระต่ายขาเดียว

กระต่ายขาเดียว เป็นการละเล่นไล่จับประเภทหนึ่ง โดยผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็น"กระต่าย" จะยืนบนขาข้างเดียว งอเข่าขาอีกข้างไม่ให้เท้าสัมผัสพื้น แล้วกระโดด+เขย่ง เพื่อไล่จับคนอื่นๆ ให้สลับมาเป็นกระต่ายแทน เล่นได้ตามลานโล่ง หรือสนามหญ้า ช่วยออกกำลังกายขา และฝึกทรงตัวด้วยขาข้างเดียว มักแบ่งเป็น สองทีมจำนวนคนเท่าๆ กัน หรือ อาจจะไม่ต้องมีทีมเลยก็ได้ถ้ามี 2 คน มักไม่เล่น กระต่ายขาเดียว เพราะไล่จับกันไปมา ไม่เฮฮาหากมีจำนวนผู้เล่น 3-5 คน มักไม่แบ่งทีม แต่ถ้า 6 คนขึ้นไป สามารถแบ่งเป็นสองทีมเท่าๆ กัน แล้วทีมที่เป็นกระต่าย จะส่งกระต่ายมาทีละคน แล้วกระโดดเขย่ง ไล่แตะตัว อีกทีม หากกระต่ายเหนื่อย ก็แตะมือคนในทีมเดียวกัน สลับมาเป็นกระต่าย ไล่กวด แทน (คล้ายการ tag team มวยปล้ำ)เหตุที่เรียกว่า กระต่ายขาเดียว น่าจะมาจาก การเคลื่อนที่ของกระต่าย ที่ใช้ สองขาหลัง ดีดตัว กระโดดเตี้ยๆ เพื่อเคลื่อนไปยังตำแหน่งต่างๆ เมื่อเด็กเล่นไล่จับ แล้วเคลื่อนที่ด้วยการกระโดดเขย่งๆ ด้วยขาข้างเดียว จึงคล้ายกับการกระโดดของกระต่าย
พื้นที่ที่ใช้เล่นมีการกำหนดขอบเขตพื้นที่ชัดเจนตามปริมาณผู้เล่น เช่น สองหรือสามบล็อกพื้นถนน(ซีเมนต์) หรือประมาณ 5x5 เมตร เพื่อให้การกวดไล่จับ ไม่ยากเกินไปนัก ผู้ที่วิ่งหนี ออกนอกบริเวณ ก็เสมือนถูก"กระต่าย"แตะตัวได้ ถือว่าแพ้ และต้องมาเป็น"กระต่าย"แทน
ก่อนเล่นจะต้องมีการ คัดสรรผู้ที่จะเป็นกระต่าย หรือจัดแบ่งทีม ด้วยการ "โอน้อยออก" และ "เป่ายิงฉุบ" ผู้ที่แพ้ในขั้นตอนการเป่ายิงฉุบ จะเป็นกระต่าย
การเล่นในกรณีที่เด็กไม่เยอะ ไม่จำเป็นต้องแบ่งทีม ผู้แพ้ในขั้นตอนการคัดสรร ต้องเป็นกระต่าย ให้ยืนด้วยขาข้างเดียว แล้วกระโดด เขย่ง กางแขนสองข้างได้ แล้วพยายามบีบพื้นที่ และใช้ความไว ในการแตะให้ถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย เด็กคนอื่นๆ ที่มีหน้าที่วิ่งหลบ โดยทุกคนต้องอยู่ภายในพื้นที่ที่กำหนด ใครวิ่งหลุดออกนอกพื้นที่ ก็ถือว่าแพ้ ต้องสลับมาเป็นกระต่ายแทนหากคนที่เป็นกระต่าย ไล่กวดจนหมดแรง ยืนด้วยขาข้างเดียวไม่ไหว ปล่อยเท้าลงแตะพื้น ก็เท่ากับว่าแพ้ ซึ่งก็อาจจะมีวิธีการทำโทษอื่นๆ ต่อไปในบางแห่ง กระต่าย สามารถพักได้ ด้วยการเอาเท้าของขาข้างที่ไม่ได้ใช้ยืน มาวางแตะบนเท้า ข้างที่ใช้ยืนขาเดียว แต่ห้ามเท้าแตะพื้นหรือสลับขาหลักคนที่เป็นกระต่ายขาเดียว มักอาศัยจังหวะ กางแขนออกสองข้าง ต้อนเด็กสักคน เข้ามุม หรือขอบพื้นที่ ซึ่งเด็กคนนั้นก็ต้องหลอกล่อ อาศัยจังหวะ วิ่งหลบซ้าย หรือขวา หรือมุดหลบใต้แขน ออกนอกเขตอันตราย คนที่เป็นกระต่าย ก็ต้องไว แม้จะยืนเขย่ง ด้วยขาข้างเดียว แต่ก็ต้องดูจังหวะ ไล่แตะ หรือ กอด หรือจับให้โดน แม้จะโดนเส้นผม หรือชายเสื้อ ก็ถือว่าชนะ ไม่ต้องเป็นกระต่ายอีกต่อไป คนที่ถูกจับ ก็สลับเปลี่ยนมาเป็นกระต่ายแทน แล้วไล่จับไปเรื่อยๆส่วนการแบ่งทีมเล่น มักใช้เมื่อ จำนวนเด็กเยอะ โดยที่ พื้นที่ที่เล่น ยังคงนิยมใช้เท่าเดิม เช่น ประมาณ 5x5 เมตร เพราะถ้ากว้างเกิน ก็ไล่ไม่สำเร็จ หรือถ้าพื้นที่เล็กเกิน ก็หนีไม่ค่อยพ้นทีมที่เป็นกระต่าย จะอยู่รอนอกพื้นที่ อีกทีมที่มีหน้าที่หลอกล่อ หนีกระต่าย จะลงไปอยู่ในพื้นที่กันทุกคนทีมกระต่าย ส่งกระต่ายตัวแทนลงมาทีละหนึ่งคน เพื่อไล่แตะทีมหนี ให้หมดทุกคน คนที่โดนแตะ หรือจับได้ ก็ออกไปยืนแพ้ รออยู่นอกพื้นที่ จนกว่าจะครบหมดเกลี้ยงคนที่เป็นกระต่าย ก็มักจะสลับเปลี่ยน ให้เพื่อนร่วมทีม มาเป็นกระต่ายไล่กวดเด็กที่เหลือ จนกว่าจะหมดแรงกันไปหากทีมที่เป็นกระต่าย หมดแรง เท้าแตะพื้น ไม่สามารถจับทุกคนของอีกทีมได้หมด ก็ถือว่าแพ้ โดนลงโทษ และเป็นกระต่ายซ้ำ ไล่จับกันต่อไปแต่โดยมาก ความสนุกสนานเฮฮา ไม่ได้อยู่ที่การชนะให้ได้ตลอด แต่อยู่ที่การเชียร์-การสลับกันเป็นกระต่าย และสลับกันหนี ทีมไหนหนีได้เก่ง วิ่งหลบหลีกได้นานที่สุดก็ถือว่าได้เฮฮา หลอกล่อ เมื่อทีมฝ่ายหนี เหลือคนเดียว ก็มักจะยอมแพ้ ให้แตะโดยง่าย และสลับไปเป็นทีมกระต่ายบ้าง เพื่อจะได้ไล่จับ สลับกันไป ซึ่งสนุกกว่า เป็นทีมหนีอยู่อย่างเดียว
การละเล่น "กระต่ายขาเดียว" น่าจะเป็นที่มาของ สำนวน "ยืนกระต่ายขาเดียว" หรือ "ยืนเป็นกระต่ายขาเดียว" ซึ่งหมายถึง การยืนยัน การเถียง การโต้แย้ง ด้วยเหตุผล หรือมุมมองจากตนเองฝ่ายเดียว และมักเป็นการแย้งที่ไม่สมเหตุสมผล รวมถึงมักจะเป็นการโกหก ปิดบังความจริง เพราะการยืนกระต่ายขาเดียว โอนเอน ไม่สมดุล ไม่มั่นคง ล้มได้เสมอ