กระต่าย (
อังกฤษ: Rabbit) เป็นสัตว์ที่จัดอยู่ใน
ไฟลัมสัตว์มีกระดูกสันหลัง ชั้น
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อันดับกระต่าย (Lagomorpha) ในวงศ์
Leporidaeกระต่ายแม้จะมีฟันแทะเหมือนกับอันดับ
สัตว์ฟันแทะ (Rodentia) แต่ถูกจัดออกมาเป็น
อันดับต่างหาก เนื่องมีจำนวนฟันที่ไม่เท่ากัน เพราะกระต่ายมีฟันแทะที่ขากรรไกรบน 20 แถว เรียงซ้อนกันแถวละ 20 ซี่ ฟันกรามบนข้างละ 6 ซี่ และฟันกรามล่างข้างละ 5 ซี่ เมื่อเวลาเคี้ยวอาหาร กระต่ายจะใช้ฟันทั้ง 2 ด้านเคี้ยวสลับกันไป ต่างจากสัตว์ฟันแทะโดยทั่วไปที่เคี้ยวเคลื่อนหน้าเคลื่อนหลัง ซึ่งสามารถเขียนเป็นสูตรได้ว่า ( 1 2 2 , C 0 0 , P 3 2 , M 2 3 ) X 2 = 28 {\displaystyle (1{\tfrac {2}{2}},C{\tfrac {0}{0}},P{\tfrac {3}{2}},M{\tfrac {2}{3}})X2=28} นอกจากนั้น ฟันกระต่ายจะยาวขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ย 10-12 gm. ต่อเดือน ดังนั้นกระต่ายจึงต้องมีการลับฟันเป็นประจำ โดยการกินหญ้าแห้ง อีกทั้งยังต้องการไฟเบอร์ในการขับเคลื่อนอาหารภายในลำไส้อีกด้วยกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดเล็ก มีขนปุกปุยทั่วลำตัว มีหางกลมสั้น มีใบหูยาวเมื่อเทียบกับสัตว์อื่น ซึ่ง
วิวัฒนาการมาใช้สำหรับฟังเสียงได้เป็นอย่างดี และยังมีประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นที่ดีมาก กระต่ายมีขาหน้าที่มี 5
นิ้ว ขาหลังมี 4 นิ้ว มีสะโพกที่ยาวและทรงพลัง เต็มไปด้วย
กล้ามเนื้อ จึงสามารถกระโดดได้เป็นอย่างดี เคยมีการประกวดการกระโดดของกระต่ายที่
ประเทศเนเธอร์แลนด์ กระต่ายตัวที่กระโดดได้สูงที่สุดกระโดดได้สูงถึง 99.5 เซนติเมตรเลยทีเดียว
[1] ใต้ฝ่าเท้าของกระต่ายมีขนนุ่ม ๆ รองรับอยู่ เพื่อมิให้เกิดเสียงเมื่อเคลื่อนไหว กระต่ายเป็นสัตว์ที่ตื่นตกใจง่ายและมีความว่องไวปราดเปรียวมากในการระแวดระวังภัย นอกจากนี้แล้วตาของกระต่ายยังมีหนังตาหรือเปลือกตาถึง 3 ชั้นด้วยกัน
[2] ดวงตาของกระต่ายมีลักษณะกลมโต ทำให้กระต่ายสามารถเหลือบมองภาพด้านหลังได้โดยที่ไม่ต้องหันหัวเลย กระต่ายจัดเป็นสัตว์ที่มีระบบการมองเห็นที่ดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น ๆ มาก แต่กระต่ายสามารถมองเห็นสีได้เพียงแค่ 2 สีเท่านั้น คือ สีเขียวและสีน้ำเงิน และจะยิ่งมองได้ชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ในที่มืด
[1]กระต่ายเป็นสัตว์ที่กิน
พืชเป็นอาหารเท่านั้น ต่างจากสัตว์ฟันแทะที่กินได้ทั้งเนื้อและพืช อาหารของกระต่ายได้แก่
หญ้าและพืช
ผักชนิดต่าง ๆ อายุขัยโดยเฉลี่ยของกระต่ายตามธรรมชาติจะอยู่ที่ 2-3 ปี หรือเต็มที่ก็ 5-10 ปี แต่กระต่ายเลี้ยงมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 7-12 ปี โดยอาหารได้แก่ หญ้าแห้ง 80-90% อาหารเม็ด 5-10% และผักผลไม้ 5% กระต่ายนับเป็นสัตว์ที่สืบพันธุ์เร็วมาก ใช้เวลาในการตั้งครรภ์ 30 วัน และสามารถติดลูกได้ทันทีหลังคลอด โดยแต่ละปี กระต่ายสามารถออกลูกได้ถึง 2-3 ครั้ง ครั้งละหลายตัวขึ้นกับชนิดและสายพันธ์ุ กระต่ายในธรรมชาติ มักอาศัยอยู่ในที่ราบโล่งที่เป็น
ทุ่งหญ้ามากกว่า
ป่าทึบ โดยขุดโพรงใต้ดินเป็นรังและที่อยู่อาศัย ลูกกระต่ายป่าในธรรมชาติ เมื่อแรกเกิดจะลืมตา และในวันรุ่งขึ้นจะสามารถวิ่งและกระโดดได้ทันที เมื่อกระต่ายตัวเมียจะคลอดลูก จะแยกออกจากรังเดิมไปขุดรังใหม่ เพื่อป้องกันลูกอ่อนจากกระต่ายตัวผู้ ซึ่งอาจฆ่าลูกกระต่ายเกิดใหม่ได้ โดยจะกัดขนตัวเองเพื่อปูรองรับลูกใหม่ที่จะเกิดขึ้นมา นอกจากนี้แล้วตามธรรมชาติของกระต่าย ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายป่าหรือกระต่ายบ้าน จะมีพฤติกรรมกินมูลของตัวเองที่ขับถ่ายออกมา มูลลักษณะนี้ถูกเรียกว่า "มูลพวงองุ่น" เป็นมูลซึ่งยังมีสารอาหารอยู่ ที่กระต่ายไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมสารอาหารไปได้หมด จึงต้องกินเข้าไปในร่างกายอีกครั้งเพื่อดูดซึมสารอาหารให้หมด
[1]กระต่ายกระจายพันธุ์ไปในทุกภูมิภาคทั่วโลก ไม่เว้นแม้กระทั่ง
เขตอาร์กติก ยกเว้น
โอเชียเนียและ
ทวีปออสเตรเลีย ใน
ประเทศไทยพบกระต่ายที่เป็น
กระต่ายสายพันธุ์ที่มีอยู่ในธรรมชาติเพียงชนิดเดียว คือ
กระต่ายป่าพม่า (Lepus peguensis)
[3]กระต่ายโดยธรรมชาติ เป็นสัตว์ที่อยู่สุดปลายของ
ห่วงโซ่อาหาร ด้วยการเป็นอาหารของ
สัตว์กินเนื้อชนิดต่าง ๆ เช่น
หมาป่า,
หมาจิ้งจอก,
แมวป่า,
เสือชนิดต่าง ๆ,
หมาใน,
ชะมด,
เพียงพอน รวมถึง
งูขนาดใหญ่ด้วย เช่น
งูหลามและงูเหลือม[4]กระต่ายเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับ
มนุษย์มาเป็นเวลานาน ด้วยการเป็นสัตว์ที่ถูกล่าเพื่อเป็นอาหารและ
เกมกีฬาโดยเฉพาะในแถบ
ทวีปยุโรป ในเชิง
วัฒนธรรมและ
ความเชื่อ ชาวตะวันตกเชื่อว่า การ
พกตีนกระต่ายจะนำมาซึ่งโชคดี ความเชื่อนี้เชื่อกันอย่างมากโดยเฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ เชื่อว่า หากพกตีนกระต่ายที่เป็นตีนของขาหลังด้านซ้าย และหากคนที่ฆ่ากระต่ายตัวนั้นเป็นคนตาเหล่ หรือจับกระต่ายตัวนั้นได้ในสุสานหรือในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง หรือคืนวันศุกร์ที่ 13 ก็จะยิ่งช่วยให้โชคดียิ่งขึ้น
[1]ชาวจีนและ
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า กระต่ายเป็น
เทพเจ้าแห่งดวงจันทร์ มีหน้าที่ปรุงยาอายุวัฒนะ เป็น
สัตว์เลี้ยงของ
ฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ การมอบรูปลักษณ์ของกระต่ายจึงถือเป็นการมอบความปรารถนาให้โชควาสนาให้แก่กัน
[5]นอกจากนี้แล้วในทาง
โหราศาสตร์ กระต่ายยังเป็นตัวแทนของ
นักษัตรลำดับที่ 4 คือ
ปีเถาะ ที่ใช้สัญลักษณ์เป็นกระต่าย
[6]และยังได้กลายมาเป็นต้นแบบของตัวการ์ตูนหลากหลายตัว เช่น
โรเจอร์ แรบบิท,
บักส์ บันนี ที่ได้ต้นแบบมาจาก
กระต่ายป่าที่ปราดเปรียว หรือ
มาชิมาโร่ ของเกาหลีใต้ที่เป็นสื่อเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
[7]โดยตัวละครการ์ตูนกระต่ายตัวแรกของโลก มีชื่อว่า "
ออสวอลด์" ปรากฏตัวในภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง
Oswald the Lucky Rabbit เมื่อปี ค.ศ. 1927 จากการสร้างสรรค์ของ
วอลต์ ดิสนีย์[1]ในปัจจุบัน กระต่ายได้กลายมาเป็น
สัตว์เลี้ยงของมนุษย์ทั้งในแง่ของการเป็นสัตว์เลี้ยงสวยงาม และสัตว์เศรษฐกิจเพื่อรับประทานเนื้อ โดยกระต่ายชนิดที่นำมาพัฒนาสายพันธุ์จนเป็นสัตว์เลี้ยงนั้น โดยมากจะเป็นชนิด
กระต่ายยุโรป (Oryctolagus cuniculus) ที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมใน
ทวีปยุโรป[8] ซึ่งกระต่ายสายพันธุ์สวยงามนั้นก็มีด้วยกันหลากหลายมากมาย โดยมีขนาดแตกต่างกันออกไปตามขนาดและลักษณะลำตัว เช่น
เนเธอร์แลนด์ดวอฟ,
โปลิช,
ฮอลแลนด์ลอป ซึ่งเป็นกระต่ายขนาดเล็ก และ
อิงลิชลอป ที่เป็นกระต่ายขนาดใหญ่ เป็นต้น โดยมีองค์กรที่ทำการรองรับและจัดมาตรฐานสายพันธุ์กระต่ายในระดับสากล คือ
สมาคมผู้พัฒนาสายพันธุ์กระต่ายแห่งสหรัฐอเมริกา (ARBA) กระต่ายสายพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ
คอนทิเนนทัล ไจแอนท์ ที่เมื่อโตเต็มที่แล้วมีน้ำหนักมากได้ถึง 20 กิโลกรัม และมีขนาดพอ ๆ กับสุนัขขนาดกลางตัวหนึ่ง และสถิติกระต่ายที่มีอายุยืนที่สุดในโลก คือ 16 ปี 14 วัน เป็นกระต่ายสายพันธุ์
เจอร์ซี วูลลี ที่เป็นกระต่ายสายพันธุ์ขนยาว ชื่อ "ดู" (Do)
[1]