การคิดค้น ของ กล้องโทรทรรศน์แบบชมิท

ในกล้องโทรทรรศน์แบบกัสแกร็งปกติจำเป็นต้องขัดกระจกปฐมภูมิด้วยพื้นผิวทรงพาราโบลา และใช้กระจกทุติยภูมิที่มีพื้นผิวทรงไฮเพอร์โบลา โดยทั้งสองบานไม่เป็นทรงกลม จึงขัดได้ยาก แบร์นฮาร์ท ชมิท ผู้ซึ่งไม่มีมือขวา จึงเป็นการยากที่จะทำได้ด้วยมือซ้ายข้างเดียว จึงได้เปลี่ยนรูปแบบมาใช้กระจกปฐมภูมิเป็นทรงกลม แล้วใช้กระจกทุติยภูมิเป็นทรงไฮเพอร์โบลาอันดับสูงที่รวมพจน์อันดับสี่ขึ้นไป เมื่อทำการสร้างกล้องโทรทรรศน์แบบกัสแกร็งในเพื่อใช้ในหอดูดาวพ็อทซ์ดัมใน ปี 1905[5] หลังจากประสบความสำเร็จในการสร้างกล้องโทรทรรศน์แบบกัสแกร็งที่มีกระจกปฐมภูมิทรงกลมแล้ว ชมิทก็เชื่อมั่นว่าพื้นผิวคลาดทรงกลมสามารถปรับเปลี่ยนได้ นอกจากนี้ ชมิทยังได้ขัดเงาแผ่นขนานระนาบแสงที่สามารถถือด้วยมือซ้ายข้างเดียว และทำให้เป็นพื้นผิวคลาดทรงกลมโดยติดไว้ด้านหน้ากระจกปฐมภูมิ แต่ในขณะนั้นยังไม่มีเทคโนโลยีการเคลือบเลนส์ที่ดีพอ ส่งผลให้ความเข้มแสงลดลง 20%[5]

ต่อจากนั้น ชมิทได้เลื่อนแผ่นปรับแก้ไปข้างหน้าให้ไกลและพอวางไว้ที่กึ่งกลางความโค้งของกระจกปฐมภูมิทรงกลม ก็พบว่าความคลาดแบบโคมาหายไปพร้อมกับที่ผิวโฟกัสกลายเป็นทรงกลม ในปี 1932 เขาตีพิมพ์บทความเรื่อง "ระบบกระจกสะท้อนแสงที่ไม่มีโคมา" ในรายงานของหอดูดาวฮัมบวร์ค (Mitteilungen der Hamburger Sternwarte in Bergedolf)[5] นี่เป็นเอกสารฉบับแรกของโลกเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ชมิท[5]

ในปี 1935 อือร์เยอ แวย์แซแล ได้ตีพิมพ์รายงานใน A.N.254 เรื่อง "กล้องโทรทรรศน์สะท้อนแสงปรับแก้ความคลาดที่หอดูดาวมหาวิทยาลัยตุร์กุ" ซึ่งกล่าวถึงความเหนือชั้นของกล้องโทรทรรศน์ชมิท และภายหลัง อือร์เยอ แวย์แซแลยัง ได้พัฒนากล้องโทรทรรศน์แบบไลต์ชมิทขึ้น เพื่อลดความโค้งสนาม[5]

ใกล้เคียง

กล้อง กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน กล้องจุลทรรศน์ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ กล้องโทรทรรศน์ซูบารุ กล้องโทรทรรศน์ กล้องไร้กระจก กล้องจุลทรรศน์แบบส่องกราดในอุโมงค์ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเคปเลอร์