การขยายในคอร์เทกซ์[1] (
อังกฤษ: Cortical magnification) เป็นคำชี้บอกว่า
นิวรอนกี่ตัวใน
คอร์เทกซ์สายตามีหน้าที่แปลผลเกี่ยวกับ
ตัวกระตุ้นขนาดหนึ่ง โดยเป็นฟังก์ชั่นของตำแหน่งในลานสายตา คือ ที่ตรงกลางลานสายตา ซึ่งตรงกับตำแหน่งรอยบุ๋ม (fovea) ของ
จอตามีนิวรอนจำนวนมากที่แปลผลข้อมูลจากเขตเล็ก ๆ ในลานสายตาแต่ถ้าเห็นตัวกระตุ้นเดียวกันในส่วนรอบนอกของลานสายตา (คือห่างออกไปจากศูนย์กลาง)จะมีนิวรอนน้อยกว่ามากที่แปลผลข้อมูลการลดจำนวนนิวรอนแปลข้อมูลต่อเขตลานสายตาไปตามลำดับ ที่เริ่มต้นจากรอยบุ๋มจอตา (คือจากศูนย์กลางลานสายตา) ไปสุดที่ส่วนรอบนอกเช่นนี้เกิดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ตามวิถีประสาทของ
ระบบสายตา เริ่มต้นตั้งแต่กระทั่งที่
เรตินาเพื่อการกำหนดจำนวน เราปกติใช้
ตัวคูณการขยายในคอร์เทกซ์ (
อังกฤษ: cortical magnification factor) ซึ่งมีหน่วยเป็น
มิลลิเมตรของพื้นที่ในคอร์เทกซ์ต่อองศาของมุมการเห็นถ้ากำหนดหน่วยอย่างนี้ (คือตัวคูณสูงหมายถึงมีนิวรอนเป็นจำนวนมากที่ประมวลผลข้อมูลในเขตวงกลมกำหนดด้วยองศานั้น) ตัวคูณการขยายในคอร์เทกซ์ที่รอยบุ๋มจอตากับเขตส่วนรอบนอก มีความแตกต่างประมาณ 100 เท่าใน
คอร์เทกซ์สายตาปฐมภูมิ (V1) ใน
ไพรเมต (Daniel and Whitteridge 1961)การมีจำนวนนิวรอนที่ลดลงเพื่อประมวลผลสำหรับเขต ๆ หนึ่งของลานสายตา ก็จะหมายถึงว่า นิวรอนแต่ละตัวต้องมี
ลานรับสัญญาณ (receptive field) ที่มีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นและเนื่องจากว่านิวรอนแต่ละตัว ต้องทำการประมวลผลต่อเขตลานสายตาที่ใหญ่ขึ้นความคมชัดในการเห็นจึงจะดีที่สุดตรงกลางลานสายตา และแย่ที่สุดในส่วนรอบนอกในคอร์เทกซ์สายตาปฐมภูมิ ตัวคูณการขยายในคอร์เทกซ์เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
M scaling (โดยที่ M หมายถึง "magnification การขยาย")เขตสายตาต่าง ๆ ใน
เปลือกสมองมีการให้ความสำคัญที่รอยบุ๋มจอตาที่ต่างกันเขตที่มีหน้าที่วิเคราะห์รูปร่างและลักษณะผิว (เช่น
เขตสายตา V4) มักจะมีตัวคูณการขยายในคอร์เทกซ์ที่สูงในเขตรอบ ๆ รอยบุ๋มจอตาและมีตัวคูณที่ต่ำในเขตรอบนอกลานสายตาโดยเปรียบเทียบกันแล้ว เขตสายตาอื่น ๆ ในคอร์เทกซ์ มีตัวคูณที่ค่อย ๆ ลดลง จากที่รอยบุ๋มจอตาไปสุดที่ส่วนรอบนอกของลานสายตา (เช่นเขต dorsomedial area หรือที่เรียกว่า V6)