วิธีแสดงแสงกระตุ้น ของ การทดสอบลานสายตา

การวัดลานสายตาแบบสถิต (static perimetry)

static perimetry ตรวจสอบตำแหน่งต่าง ๆ ของลานสายตาทีละตำแหน่ง ๆ[4]แรกสุด จะแสดงแสงสลัว ๆ ที่ตำแหน่งหนึ่ง ๆ ถ้าคนไข้ไม่เห็น ก็จะทำให้สว่างขึ้น ๆ จนกว่าจะเห็น[4]ระดับแสงสว่างต่ำสุดที่เห็นได้เรียกว่าเป็นความไวขีดเริ่มเปลี่ยน ("threshold" sensitivity) ที่ตำแหน่งนั้น ๆ[4]แล้วก็ทำที่ตำแหน่งอื่น ๆ อีก จนกระทั่งได้ทดสอบลานสายตาทั้งหมด[4]

วิธีการนี้มักทำด้วยเครื่องมืออัตโนมัติใช้เพื่อตรวจคัดกรองโรคแบบเร็ว และติดตามอาการบางอย่างของโรค เช่น ดวงมืดในลานเห็น (scotoma) การเสียการเห็นรอบนอก (peripheral vision) และการเสียสายตาที่จับได้ยากกว่านั้นอื่น ๆการวัดลานสายตาสำคัญในการตรวจคัดกรอง (screening) การวินิจฉัย และการเฝ้าติดตามโรคทางตา โรคจอตา โรคประสาทตา และโรคสมอง

การวัดลานสายตาแบบจลน์ (kinetic perimetry)

kinetic perimetry ใช้แสงสว่างที่ผู้ตรวจ (ไม่ใช่เครื่อง) เลื่อนแสงกระตุ้น เช่น goldmann kinetic perimetry (การวัดลานสายตาด้วยเครื่องโกลด์แมนน์แบบจลน์)[8]แรกสุด จะทดสอบด้วยแสงจุดเดียวที่มีขนาดและสว่างเท่ากันแสงจะเคลื่อนไปยังตรงกลางสายตาจากขอบจนกระทั่งคนไข้เห็นซึ่งจะทำซ้ำจากรอบ ๆ ที่ตำแหน่งต่าง ๆ ถ้าทำจำนวนครั้งพอ ก็จะเห็นเขตการเห็นสำหรับตัวกระตุ้นนั้น ๆ เจ้าหน้าที่จะตรวจซ้ำอีกแต่ใช้แสงแบบอื่น ๆ หรือสว่างกว่าแสงที่ทดสอบแบบแรก

เพราะเหตุนี้ การวัดลานสายตาแบบจลน์จึงสามารถทดสอบขอบเขตความไวแสงของลานสายตาซึ่งอาจเป็นทางเลือกการตรวจที่ดีสำหรับคนไข้ที่มีปัญหากับเครื่องวัดลานสายตาอัตโนมัติเพราะมีปัญหาการมองตรงที่ ๆ เดียว หรือมีปัญหาทางประชาน/สติปัญญาอื่น ๆ[9]

ใกล้เคียง

การทด การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม การทดลองแบบอำพราง การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติ การทดลองทางความคิด การทดแทนคุณลักษณะ (จิตวิทยา) การทดสอบซอฟต์แวร์ การทดลองของมิลแกรม การทดลองรีคัฟเวอรี การทดลองโรเซนแฮน

แหล่งที่มา

WikiPedia: การทดสอบลานสายตา http://accessmedicine.com/resourceTOC.aspx?resourc... http://www.allaboutvision.com/eye-exam/visual-fiel... http://icd9cm.chrisendres.com/index.php?srchtype=p... http://emedicine.medscape.com/article/1820707-over... http://visual-field-test.com/ http://webeye.ophth.uiowa.edu/ips/GEN-INFO/standar... http://webeye.ophth.uiowa.edu/ips/Perimetr.htm //www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/15807638 //doi.org/10.1111%2Fj.1444-0938.2005.tb06671.x https://play.google.com/store/apps/details?id=com....