การทลายคุก ของ การทลายคุกบัสตีย์

การจับกุมเดอโลเนย์ โดย ฌ็อง-บาติสต์ ลาลเลอม็งด์ ค.ศ. 1790
ภาพวาดการจับกุมเดอโลเนย์โดยศิลปินนิรนาม โดยการวิเคราะห์มุมมองและองศาของภาพในปีค.ศ. 2013 พบว่า แท้ที่จริงแล้วตัวหอคอยของป้อมไม่ได้สูงโดดเด่นดังที่ปรากฏในภาพ แต่มีความสูงเทียบเคียงพอๆ กับอาคารบ้านเรือนในละแวกนั้น[5]

ในเช้าวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 กรุงปารีสตกอยู่ในสภาวะความไม่สงบ ผู้สนับสนุนฐานันดรที่สามในฝรั่งเศสตกอยู่ในการปกครองของกองทหารกระฎุมพีแห่งปารีส (ภายหลังกลายไปเป็นกองกำลังติดอาวุธของประชาชน; ฝรั่งเศส: Garde Nationale) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้บุกปล้นสะดม ออแตลเดแซ็งวาลีด (ฝรั่งเศส: Hôtel des Invalides) ยึดเอาอาวุธ (เช่น ปืนคาบศิลาจำนวน 29,000 - 32,000 กระบอก แต่ไม่มีดินปืนหรือกระสุน) และกำลังพยายามบุกเข้าไปยังป้อมบัสตีย์เพื่อชิงเอาอาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม เช่น ดินปืน ซึ่งมีมากถึง 13.6 ตันถูกเก็บรักษาเอาไว้ภายในป้อม

ณ ช่วงเวลานั้น คุกภายในป้อมบัสตีย์แทบจะไม่มีนักโทษหลงเหลืออยู่แล้ว มีเพียงนักโทษชราถูกคุมขังเพียง 7 คนเท่านั้น[6] ตามบันทึกระบุว่านักโทษทั้งเจ็ดคนได้แก่ ผู้ต้องหาปลอมแปลงเอกสาร 4 คน ผู้วิกลจริต 2 คน และขุนนางผู้มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปจากพวกพ้อง 1 คน คือ เคาน์แห่งโซลาจ (ก่อนหน้านี้มาร์กี เดอ ซาด พึ่งจะถูกโยกย้ายออกไปจากคุกได้เพียงสิบวัน) ด้วยค่าใช้จ่ายในการทำนุบำรุงรักษาป้อมปราการแห่งนี้ไม่คุ้มเสียกับประโยชน์การใช้งานที่มีอยู่จำกัด ทำให้รัฐบาลตัดสินใจปิดป้อมแห่งนี้ไม่นานก่อนเกิดเหตุความวุ่นวาย อย่างไรก็ตาม ป้อมบัสตีย์ยังคงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของระบอบเผด็จการของพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศส

พลทหารที่ประจำอยู่ ณ ป้อมบัสตีย์โดยปกติมีทั้งสิ้น 82 นาย (ทั้งหมดเป็นนายทหาร แอ็งวาลีด; ฝรั่งเศส: invalides; พลทหารผ่านศึกผู้ไม่เหมาะสมกับการสู้รบอีกต่อไป ด้วยเหตุผลทางกายภาพที่อาจจะได้รับบาดเจ็บจนพิการหรือทุพพลภาพ)[7] อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 7 กรกฎาคม มีการเสริมกำลังด้วยพลทหารรักษาพระองค์จำนวน 32 นาย จากกองทหารซาลิ-ซามาดของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเดิมประจำการอยู่ ณ สวนสาธารณะช็องเดอมาร์ส มีการเสริมกำลังปืนใหญ่น้ำหนัก 8 ปอนด์ ตามกำแพงของป้อมจำนวน 8 กระบอก และปืนใหญ่ขนาดเล็ก 12 กระบอก โดยมีผู้บัญชาการสูงสุดประจำป้อมคือ แบร์นาร์ด-เรอเน เดอ โลเนย์ บุตรชายชองผู้บัญชาการคนก่อนหน้า และเกิดภายในป้อมบัสตีย์แห่งนี้

รายชื่อของ แว็งเกอเดอลาบัสตีย์ (ฝรั่งเศส: vainqueurs de la Bastille; ผู้ทลายคุกบัสตีย์) ตามบันทึกมีจำนวนทั้งสิ้น 954 ราย[8] ซึ่งหากรวมฝูงชนผู้ร่วมการทลายคุกแล้ว จำนวนผู้ทลายคุกทั้งหมดก็ยังคงไม่เกิน 1,000 คน เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อฝูงชนรวมตัวกันในช่วงเช้า เรียกร้องให้นายทหารประจำป้อมยอมจำนน เคลื่อนย้ายปืนใหญ่ออกไป และยอมมอบอาวุธรวมถึงดินปืนให้แก่ฝ่ายประชาชน ฝ่ายทหารได้เชิญตัวแทนสองคนเข้าไปเจรจาภายในป้อมและเชิญตัวแทนอีกกลุ่มเข้าไปในช่วงเที่ยง การเจรจาดำเนินไปอย่างยืดเยื้อในขณะที่ฝูงชนเริ่มหมดความอดทน จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.30 น. ฝูงชนกรูกันเข้าไปบริเวณลานด้านนอกของป้อมซึ่งไม่ได้มีการป้องกันเอาไว้ ทำให้ฝ่ายพลทหารของป้อมตัดสินใจตัดสายโซ่ของสะพานชัก เพื่อป้องกันไม่ให้ฝูงชนบุกเข้าถึงส่วนในของป้อมได้ ส่งผลให้ตัวสะพานหล่นทับผู้ร่วมทลายคุกรายหนึ่งและนำมาสู่การยิงต่อสู้ในที่สุด มีการเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์แตกต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นเล่าว่าผู้บัญชาการป้อม (เดอโลเนย์) สั่งให้ระดมยิงปืนใหญ่ใส่ฝูงชน คร่าชีวิตเด็ก สตรี และผู้ประท้วงคนอื่นๆ ไปหลายคน จึงทำให้การประท้วงเปลี่ยนไปเป็นการจลาจลบริเวณรอบ ๆ ป้อมบัสตีย์ นอกจากนี้ฝูงชนยังรู้สึกว่าตนถูกหลอกล่อให้ติดกับของฝ่ายทหาร ทำให้การต่อสู้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางส่วนพยายามยุติการยิงต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย แต่ก็ถูกเพิกเฉยโดยกลุ่มฝูงชนผู้ทลายคุก

ภาพร่างของการทลายคุกบัสตีย์ ค.ศ. 1789

การต่อสู้ยังคงดำเนินไปจนกระทั่งเวลา 15.00 น. เมื่อมีการเสริมกำลังจากกองกำลังราชองครักษ์ การ์ดฟร็องเซ ผู้ก่อกบฏและกลุ่มนายทหารผู้แปรพักตร์จำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยปืนใหญ่สองกระบอก ซึ่งกองกำลังของกองทัพบกหลวงแห่งฝรั่งเศสที่ประจำการอยู่ใกล้เคียง ณ สวนสาธารณะช็องเดอมาร์ส ไม่ได้เข้าทำการแทรกแซงหรือให้การช่วยเหลือฝ่ายของเดอโลเนย์แต่อย่างใด ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. ความเป็นไปได้ที่จะเกิดเหตุสังหารหมู่ของทั้งสองฝ่ายเริ่มปรากฏให้เห็นเด่นชัดขึ้น เดอโลเนย์จึงตัดสินใจหยุดยิงและส่งจดหมายยื่นข้อเสนอของเขาแก่ฝูงชนผ่านช่องว่างของประตูป้อมด้านใน ฝูงชนปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว แม้กระนั้นเอง เดอโลเนย์ก็ยังคงตัดสินใจที่จะยอมจำนน เนื่องจากตระหนักได้ว่ากองทหารของเขาจะไม่สามารถยื้อการสู้รบได้นานกว่านี้ เดโลเนย์เปิดประตูป้อม ฝูงชนต่างแห่กรูเข้าสู่ลานด้านในและปลดปล่อยคุกบัสตีย์ได้สำเร็จเมื่อเวลา 17.30 น.

ฝ่ายผู้ทลายคุก 94 ราย และนายทหาร 1 นาย เสียชีวิตในการต่อสู้ที่เกิดขึ้น เดอโลเนย์ถูกจับกุมตัวและถูกลากไปตามท้องถนนมุ่งสู่ออแตลเดอวีล พร้อมกับมีการด่าทอและทารุณกรรมไปตลอดเส้นทาง ภายนอกออแตลเดอวีล มีการถกเถียงถึงชะตากรรมของเดอโลเนย์ต่อจากนี้ไป ทำให้เดอโลเนย์ผู้ถูกทารุณจนอาการสาหัสตะโกนขึ้นว่า "พอได้แล้ว! ให้ฉันตายเถอะ!"[9] และเตะพ่อครัวทำขนมนามว่าดูเลต์เข้าที่หน้าแข้ง จากนั้นเดอโลเนย์จึงถูกแทงซ้ำไปซ้ำมาก่อนที่จะล้มลงในที่สุด ก่อนที่ฝูงชนจะเลื่อยศีรษะของเขานำมาเสียบเข้ากับหอกหลาวและนำไปตระเวนแห่ตามท้องถนนของกรุงปารีส พลทหารประจำป้อมอีกสามนายก็ถูกสังหารโดยฝูงชนด้วยเช่นกัน นายตำรวจที่รอดชีวิตมาได้รายงานรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนพลทหาร แอ็งแวลิด ประจำป้อมสองนายถูกรุมประชาทัณฑ์ ในขณะที่พลทหารสวิสจากกองทหารซาลิ-ซามาด ได้รับการปกป้องจากกองกำลัง การ์ดฟร็องเซ และถูกปล่อยตัวกลับสู่กองทหารของพวกตน มีเพียงนายทหารสองนายจากกองทหารนี้ที่ถูกสังหาร ผู้บังคับบัญชาของพวกเขา พลโทหลุยส์เดอฟลู เขียนรายงานถึงรายละเอียดในเหตุการณ์ดังกล่าว และรวมมันเข้ากับสมุดบันทึกเหตุการณ์ประจำกองทหารซาลิ-ซามาด การเสียชีวิตของเดอโลเนย์นับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง (และอาจไม่ยุติธรรมสำหรับเขา) แต่กระนั้นเดอฟลูก็ยังคงกล่าวโทษว่าเดอโลเนย์อ่อนแอและบกพร่องในการเป็นผู้นำที่เฉียบขาด นอกจากนี้ยังมีการกล่าวโทษอีกว่าสาเหตุที่ทำให้ป้อมถูกทลายได้สำเร็จเป็นเพราะความเฉื่อยชาของผู้บัญชาการกองทัพบกหลวงแห่งฝรั่งเศสที่ประจำอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ที่ไม่พยายามเข้าสนับสนุนกองกำลังของเดอโลเนย์ ณ ป้อมบัสตีย์ หรือออแตลเดแซ็งแวลิดที่กำลังถูกโจมตีจากฝูงชน

ต่อมากลุ่มฝูงชนผู้ก่อจลาจลเดินทางกลับไปยังออแตลเดอวีล และกล่าวหาว่า เพรโวเดมาร์ช็อง (นายกเทศมนตรี) ฌัก เดอ เฟลสเซลล์ ทำการทรยศต่อประเทศชาติ โดยเขาถูกลอบสังหารขณะถูกนำตัวไปพิจารณาคดี ณ พระราชวังหลวง

ใกล้เคียง

การทลายคุกบัสตีย์ การทลายกำแพงเบอร์ลิน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 การหลั่งน้ำอสุจิ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2554 การทดลองแบบสุ่มและมีกลุ่มควบคุม การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2550 การทหาร การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ พ.ศ. 2567

แหล่งที่มา

WikiPedia: การทลายคุกบัสตีย์ http://www.footnote.com/spotlight/174/thomas-jeffe... http://books.google.com/books?id=5KPHEQZ_uKAC http://books.google.com/books?id=DKcBqdX0S5AC http://books.google.com/books?id=O6MNAAAAIAAJ http://books.google.com/books?id=nS9MP07-9FkC http://www.nytimes.com/2013/01/10/arts/design/pari... http://sourcebook.fsc.edu/history/seance.html http://www.france.fr/en/institutions-and-values/14... http://www.gutenberg.org/ebooks/9602 http://www.outfo.org/literature/pg/etext06/8hfrr10...