เมนูนำทาง
การบินไทย_เที่ยวบินที่_311 การสอบสวนท่าอากาศยานตรีภูวันในสมัยนั้นไม่มีเรดาห์ หอบังคับการจึงไม่ทราบตำแหน่งของเครื่องบิน การจะนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินแห่งนี้อาศัยการมองด้วยสายตาและการวิทยุประสานงานตำแหน่งเป็นระยะๆเท่านั้น ในวันที่เกิดอุบัติเหตุนั้น เป็นวันที่สภาพอากาศปิด นักบินสามารถมองเห็นทัศนียภาพได้เพียงไม่กี่ร้อยเมตร การนำเครื่องบินลงจอดจึงต้องอาศัยการประสานงานทางวิทยุเท่านั้น
จากการสอบสวนพบว่า เมื่อเครื่องบินกำลังลดระดับจากทิศใต้เพื่อลงจอดยังท่าอากาศยานนานาชาติตรีภูวัน หอบังคับการบินแจ้งว่าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในการเปิดใช้ทางวิ่ง ทำให้เครื่องบินต้องบินเลยไปเพื่อตัดสินใจว่าจะนำเครื่องลงจอดที่อินเดียหรือกลับกรุงเทพ แต่หลังจากนั้นไม่นาน หอบังคับการบินแจ้งว่าสภาพอากาศอยู่ในวิสัยที่จะสามารถนำเครื่องลงได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เครื่องบินได้บินผ่านสนามบินไปแล้วและต้องยูเทิร์นกลับไปยังจุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้งทางทิศใต้ การสอบสวนพบว่า ในระหว่างที่ทำการยูเทิร์นนี้ กัปตันเป็นผู้ทำหน้าที่วิทยุกับหอการบินเสียเอง ซึ่งปกติเป็นหน้าที่ของนักบินผู้ช่วย ขณะเดียวกันก็มีสัญญาณแจ้งเตือนแสดงผลขึ้นจำนวนมาก และเครื่องบินได้ทำการยูเทิร์น 270 องศา
ผู้สอบสวนได้ตั้งข้อสังเกตว่า กัปตันปรีดากำลังรับภาระงานมากเกินไปจนเสียสมาธิ และอาจเผลอปรับเกจ HDG SEL ซึ่งใช้ควบคุมทิศทางหัวเครื่อง เลยกว่าที่ควรจะเป็น แทนที่เครื่องบินจะยูเทิร์น 180 องศาแต่กลับกลายเป็นว่าเครื่องบินทำการยูเทิร์น 270 องศา ขณะที่หอบังคับการก็สั่งให้เครื่องบินคงเพดานบินไว้ ในขณะที่นักบินคิดว่าเครื่องบินกำลังมุ่งหน้าสู่ทิศใต้ แท้จริงแล้วเครื่องบินกลับกำลังมุ่งหน้าสู่เทือกเขาหิมาลัยทางทิศเหนือ จนกระทั่งนักบินผู้ช่วยพูนทัตกล่าวขึ้นมาว่า "เอ้ เรากำลังขึ้นเหนือใช่ไหมครับ?" กัปตันปรีดาตอบว่า "เออ เดี๋ยวเราก็เลี้ยวกลับละ" จากนั้นจึงประสานขอเลี้ยวกลับไปยังหอบังคับการบิน "เอ่อ กาฐมาณฑุ ไทย 311 รีเควสต์ไรต์เทิร์นแบ็กทูดิแอร์ฟิลด์" ทว่าในเวลาเดียวกันนั้นเอง สัญญาณเตือนความสูงจากพื้นดินขึ้น นักบินผู้ช่วยกล่าวว่า "เลี้ยว เลี้ยวกลับเหอะครับ" กัปตันตอบว่า "สัญญาณมันผิด! สัญญาณมันผิด!" และเสียงสุดท้ายในเทปคือ "โอ้ไม่-!" เครื่องบินชนเข้ากับเทือกเขาหิมาลัยที่ระยะทาง 35 กม. ทางเหนือจากสนามบินตรีภูวันที่ความสูง 11,500 ฟุต
เมื่อเครื่องบินขาดการติดต่อไป ทางการเนปาลก็ปูพรมค้นหาเครื่องบินบริเวณเทือกเขาทางทิศใต้ของกรุงกาฐมาณฑุเป็นเวลามากกว่า 2 วันแต่ก็ไม่พบซากหรือชิ้นส่วนใดๆของเครื่องบิน จนกระทั่งมีชาวบ้านจากภูเขาทางเหนือมาบอกว่าได้ยินเสียงระเบิด ทางการจึงค้นหาที่เทือกเขาทางเหนือและก็พบซากเครื่องบินดังกล่าว หลังอุบัติเหตุครั้งร้ายแรงดังกล่าวทำให้ทางการเนปาลนำเรดาห์มาติดตั้งยังท่าอากาศยานตรีภูวัน การบินไทยได้เปลี่ยนรหัสของเที่ยวบิน กรุงเทพ-กาฐมาณฑุ เป็น TG319/320 ใช้เครื่องโบอิง 777-200
อนุสรณ์สถานที่อุทิศแด่ผู้เสียชีวิตทั้ง 113 คนผู้โดยสาร
สัญชาติ | ผู้โดยสาร | ลูกเรือ | รวม |
---|---|---|---|
ไทย | 21 | 14[1] | 35 |
เนปาล | 23 | 0 | 23 |
ญี่ปุ่น | 17 | 0 | 17 |
สหรัฐ | 11 | 0 | 11 |
เบลเยียม | 5 | 0 | 5 |
ฟินแลนด์ | 5 | 0 | 5 |
เยอรมนี | 4 | 0 | 4 |
สเปน | 3 | 0 | 3 |
เกาหลีใต้ | 2 | 0 | 2 |
อิสราเอล | 2 | 0 | 2 |
สหราชอาณาจักร | 2 | 0 | 2 |
แคนาดา | 2 | 0 | 2 |
นิวซีแลนด์ | 1 | 0 | 1 |
ออสเตรเลีย | 1 | 0 | 1 |
รวม | 99 | 14 | 113 |
เมนูนำทาง
การบินไทย_เที่ยวบินที่_311 การสอบสวนใกล้เคียง
การบินไทย การบินไทยสมายล์ การบินไทย เที่ยวบินที่ 311 การบินจี๋เสียง การบินลาว เที่ยวบินที่ 301 การบินลาว การบินไทย เที่ยวบินที่ 601 การบินไทย เที่ยวบินที่ 261 การบินไทย เที่ยวบินที่ 114 การบินไทย เที่ยวบินที่ 679แหล่งที่มา
WikiPedia: การบินไทย_เที่ยวบินที่_311 http://www.airdisaster.com/cgi-bin/view_details.cg... http://caselaw.lp.findlaw.com/cgi-bin/getcase.pl?c... http://books.google.com/books/about/Thai_Airways_I...