บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
ประเทศอิสราเอล (
อังกฤษ: Israel;
ฮีบรู: יִשְׂרָאֵל;
อาหรับ: إِسْرَائِيل) มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า
รัฐอิสราเอล (
อังกฤษ: State of Israel;
ฮีบรู: מְדִינַת יִשְׂרָאֵל;
อาหรับ: دَوْلَة إِسْرَائِيل) เป็นประเทศใน
ตะวันออกกลางบนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของ
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและชายฝั่งเหนือของ
ทะเลแดง มีเขตแดนทางบกติดต่อกับประเทศเลบานอนทางทิศเหนือ ประเทศซีเรียทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ประเทศจอร์แดนทางทิศตะวันออก ดินแดน
เวสต์แบงก์และ
ฉนวนกาซาของ
ปาเลสไตน์ทางทิศตะวันออกและตะวันตกตามลำดับ และประเทศอียิปต์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศอิสราเอลมีภูมิลักษณ์หลากหลายแม้มีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก
[4][5] เทลอาวีฟเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีของประเทศ
[6] ส่วนที่ตั้งรัฐบาลและเมืองหลวงตามประกาศคือ
เยรูซาเลม แม้อำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือเยรูซาเลมยังไม่มีการรับรองในระดับนานาประเทศ
[7][8][9][10][fn 1]ราชอาณาจักรอิสราเอลและยูดาห์ถือกำเนิดขึ้นระหว่าง
ยุคเหล็ก[11][12] จักรวรรดิอัสซีเรียใหม่ทำลาย
อิสราเอลเมื่อราว 720 ปีก่อน ค.ศ.
[13] ต่อมายูดาห์ถูกจักรวรรดิบาบิโลเนีย เปอร์เซียและเฮลเลนนิสติกพิชิต และมีอยู่เป็นจังหวัดปกครองตนเองของยิว
[14][15] กบฏแมคาบี (Maccabean Revolt) ที่สำเร็จทำให้เกิดราชอาณาจักรแฮซมาเนียน (Hasmonean) ซึ่งมีเอกราชเมื่อ 110 ปีก่อน ค.ศ.
[16] ทว่า ใน 63 ปีก่อน ค.ศ. ตกเป็นรัฐบริวารของ
สาธารณรัฐโรมันซึ่งต่อมาตั้งราชวงศ์เฮโรเดียนใน 37 ปีก่อน ค.ศ. และ 6 ปีก่อน ค.ศ. สถาปนามณฑลยูเดียของโรมัน
[17] ยูเดียเป็นมณฑลหนึ่งของโรมันจนกบฏยิวที่ไม่สำเร็จทำให้เกิดการทำลายเป็นวงกว้าง
[16] การขับไล่ประชากรยิว
[16][18] และการเปลี่ยนชื่อภูมิภาคจากจูเดียเป็นซีเรียปาเลสตีนา (Syria Palaestina)
[19] มียิวอยู่ในภูมิภาคนี้บ้างเป็นเวลาหลายศตวรรษ ในคริสต์ศตวรรษที่ 7 อาหรับยึดลิแวนต์จาก
จักรวรรดิไบแซนไทน์ แล้วอยู่ในการควบคุมของมุสลิมจน
สงครามครูเสดครั้งที่หนึ่งในปี 1099 ตามด้วยการพิชิตของอัยยูบิดในปี 1187 รัฐสุลต่านมัมลุกอียิปต์ขยายการควบคุมเหนือลิแวนต์ในคริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถูก
จักรวรรดิออตโตมันพิชิตในปี 1517 ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19 ความตื่นตัวเรื่องชาติในหมู่ยิวนำไปสู่การสถาปนาขบวนการไซออนิสต์ในประเทศต่าง ๆ ตามด้วยการเข้าเมืองออตโตมันและบริติชปาเลสไตน์หลายระลอกในปี 1947 สหประชาชาติลงมติรับแผนแบ่งส่วนสำหรับปาเลสไตน์ที่แนะนำการสถาปนารัฐอาหรับและยิวและให้เยรูซาเลมอยู่ในการควบคุมของหลายชาติ
[20] หน่วยงานยิวยอมรับและผู้นำอาหรับปฏิเสธแผนดังกล่าว
[21][22][23] ปีต่อมา หน่วยงานยิวประกาศอิสรภาพของรัฐอิสราเอล และ
สงครามอาหรับ–อิสราเอล ค.ศ. 1948 ในเวลาต่อมาทำให้อิสราเอลครอบครองดินแดนส่วนใหญ่ของอดีตอาณัติ ส่วนรัฐอาหรับเพื่อนบ้านถือครองเวสต์แบงก์และกาซา
[24] นับแต่นั้นอิสราเอลสู้รบในสงครามหลายครั้งกับประเทศอาหรับ
[25] และตั้งแต่ปี 1967 ยึดครองดินแดนรวมทั้งเวสต์แบงก์
ที่ราบสูงโกลันและฉนวนกาซา
[26][27][28] อิสราเอลขยายกฎหมายไปยังที่ราบสูงโกลันและ
เยรูซาเลมตะวันออก แต่ไม่รวมเวสต์แบงก์
[29][30][31][32] การยึดครองดินแดนปาเลสไตน์เป็นการยึดครองทางทหารยาวนานที่สุดในโลกในสมัยใหม่ ความพยายามระงับข้อพิพาทอิสราเอล–ปาเลสไตน์ยังไม่มีความตกลงสั้นติภาพขั้นสุดท้าย แต่มีการลงนามสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับอียิปต์และจอร์แดนแล้วในกฎหมายหลักพื้นฐาน อิสราเอลนิยามตนเองว่าเป็นรัฐยิวและประชาธิปไตย
[33] ปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยแบบมีผู้แทน โดยมี
ระบบรัฐสภา การมีผู้แทนตามสัดส่วนและ
สิทธิออกเสียงเลือกตั้งทั่วไป[34] นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล และเนสเซทเป็นองค์การบริหารอำนาจนิติบัญญัติ
สภาเดี่ยวของอิสราเอล อิสราเอลเป็นประเทศพัฒนาแล้ว สมาชิก
องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา[35] และเศรษฐกิจของอิสราเอลใหญ่เป็น
อันดับที่ 41 ของโลก ตามผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศราคาตลาดใน พ.ศ. 2554 อิสราเอลมีมาตรฐานการครองชีพสูงสุดในตะวันออกกลางและสูงสุดเป็นอันดับสามในทวีปเอเชีย
[36] อิสราเอลมีความคาดหมายการคงชีพสูงสุดประเทศหนึ่งในโลก
[37]