การบุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐ พ.ศ. 2564 เป็น
เหตุจลาจลและการโจมตีโดยใช้ความรุนแรงต่อ
รัฐสภาสหรัฐในสมัยประชุมที่ 117 เมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2564 โดยเกิดจากความพยายามของบรรดาผู้สนับสนุน
ประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการพลิกผล
การเลือกตั้งประธานาธิบดี พ.ศ. 2563[9] หลังเข้าร่วมการชุมนุมที่ทรัมป์จัดขึ้น ผู้สนับสนุนทรัมป์หลายพันคน
[10] เดินขบวนไปตามถนนเพนซิลเวเนียก่อนที่หลายคนจะบุกเข้าไปใน
อาคารรัฐสภาเพื่อขัดขวางการนับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งระหว่างการประชุมร่วมของรัฐสภา และเพื่อขัดขวางกระบวนการรับรองชัยชนะของ
ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดิน อย่างเป็นทางการ
[11][12] ผู้ก่อจลาจลได้ฝ่าวงล้อมของตำรวจ จากนั้นได้เข้ายึด
ทำลาย[13][14] ฉกชิง และรื้อค้นข้าวของ
[15] ในพื้นที่หลายส่วนของอาคารรัฐสภาเป็นเวลาหลายชั่วโมง
[16][17][18] การบุกเข้าไปในอาคารนำไปสู่การอพยพหลบภัยและการปิดอาคารรัฐสภา และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย
[19][20]หลังจากที่ได้รับการกระตุ้นจากทรัมป์
[21] บรรดาผู้สนับสนุนเขาก็มารวมตัวกันใน
วอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อวันที่ 5 และ 6 มกราคมเพื่อสนับสนุนคำอ้างเท็จของเขาที่ว่า การเลือกตั้ง พ.ศ. 2563 ถูก "ปล้น" ไปจากเขา
[22] และเพื่อเรียกร้องให้
รองประธานาธิบดีไมก์ เพนซ์ และรัฐสภาปฏิเสธชัยชนะของไบเดิน
[23][24][25] ในการชุมนุม "เซฟอเมริกา" ที่สวนสาธารณะ
ดิอีลิปส์เมื่อวันที่ 6 มกราคม ทรัมป์,
[26][27] ดอนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์,
รูดี จูลีอานี และสมาชิกรัฐสภาหลายคนกล่าวปลุกระดมกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์กลุ่มหนึ่ง
[28] ทรัมป์บอกให้พวกเขา "สู้สุดชีวิต" เพื่อ "เอาประเทศของพวกเรากลับคืนมา"
[29][30] โดยยุให้พวกเขาเดินขบวนไปยังรัฐสภา
[18] จูลีอานีเรียกร้องให้มี "
การไต่สวนด้วยการประลอง"
[31] และทรัมป์ จูเนียร์ ข่มขู่ฝ่ายตรงข้ามประธานาธิบดีโดยกล่าวว่า "พวกเรากำลังไปหาพวกคุณ" (เขาได้เรียกร้องให้มี "
สงครามเบ็ดเสร็จ" เมื่อหลายสัปดาห์ก่อนเหตุจลาจล)
[32][33] หลังจากเดินขบวนไปที่อาคารรัฐสภาและฝ่าแผงกั้นของตำรวจซึ่งในขณะนั้นมีจำนวนคนน้อยกว่า ผู้ประท้วงหลายคนก็เริ่มใช้ความรุนแรง พวกเขาทำร้ายตำรวจและผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ก่อ
ตะแลงแกงในพื้นที่อาคารรัฐสภา ร้องตะโกนว่า "แขวนคอไมก์ เพนซ์" และพยายามหาตัวผู้บัญญัติกฎหมายเพื่อจับเป็นตัวประกันและทำร้าย ซึ่งรวมถึง
ประธานสภาผู้แทนราษฎรแนนซี พิโลซี (พรรคเดโมแครตแคลิฟอร์เนีย) และเพนซ์ เนื่องจากเพนซ์ปฏิเสธที่จะพลิกความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งของทรัมป์อย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย
[34][35][36][37][38]ขณะที่ผู้ก่อจลาจลเข้ามาในอาคารรัฐสภาโดยพังประตูและหน้าต่าง หน่วยรักษาความปลอดภัยของรัฐสภาได้อพยพผู้คนออกจากห้องประชุมต่าง ๆ ของ
วุฒิสภาและ
สภาผู้แทนราษฎร อาคารทั้งหมดในหมู่อาคารรัฐสภาถูกปิด
[39] ผู้ก่อจลาจลฝ่าด่านรักษาความปลอดภัยภายในและเข้ายึดห้องประชุมวุฒิสภาที่ว่างเปล่าในขณะที่เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางชักปืนพกเพื่อป้องกันห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีการอพยพผู้คนออกไปแล้ว
[40][41][42] ข้าวของในห้องทำงานของสมาชิกรัฐสภาหลายคนรวมทั้งพิโลซีถูกฉกชิงและทำลาย
[43][44][45] มีการพบอุปกรณ์
ระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่อาคารรัฐสภาเช่นเดียวกับที่ห้องทำงานของคณะกรรมการแห่งชาติของพรรคดิโมแครต คณะกรรมการแห่งชาติของพรรคริพับลิกัน และในยานพาหนะใกล้เคียง
[46][47] มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ห้าคนซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐสภาหนึ่งนาย ในขณะที่มีผู้บาดเจ็บอีกหลายสิบคน
[48]ในตอนแรก ทรัมป์ไม่ยอมส่ง
กองกำลังพิทักษ์ชาติประจำดิสตริกต์ออฟโคลัมเบียไปปรามปรามฝูงชนที่ก่อความวุ่นวาย
[49] ในวิดีโอหนึ่งทาง
ทวิตเตอร์ เขาเรียกผู้ก่อจลาจลว่าเป็น "ผู้รักชาติผู้ยิ่งใหญ่" และบอกให้พวกเขา "กลับบ้านอย่างสงบ" พร้อมกับย้ำคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับการเลือกตั้งซ้ำ ๆ
[50][51] ท่ามกลางแรงกดดันจากฝ่ายบริหารของเขา การขู่จะถอดถอน และการลาออกของเจ้าหน้าที่จำนวนมาก ทรัมป์ยืนยันว่าจะ
เปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างเป็นระเบียบในแถลงการณ์ที่ถ่ายทอดทางโทรทัศน์
[52][53][54][55] ฝูงชนได้สลายตัวไปจากอาคารรัฐสภาในเย็นวันนั้นและการนับคะแนนเลือกตั้งก็กลับมาดำเนินต่อและเสร็จสิ้นในช่วงเช้ามืด เพนซ์ประกาศชัยชนะของไบเดินและว่าที่รองประธานาธิบดี
กมลา แฮร์ริส และกล่าวยืนยันว่าทั้งสองจะเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม สามวันต่อมาในวันที่ 9 มกราคม มีรายงานว่าทรัมป์บอกกับผู้ช่วยใน
ทำเนียบขาวว่า เขารู้สึกเสียใจที่ได้แถลง "การเปลี่ยนถ่ายอำนาจอย่างเป็นระเบียบ" ออกไป และเขาจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง
[56]เหตุการณ์ดังกล่าวถูกประณามอย่างกว้างขวางจากผู้นำและองค์การทางการเมืองทั้งในสหรัฐและในระดับนานาชาติ
มิตช์ แม็กคอนเนลล์ (พรรคริพับลิกันเคนทักกี) ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา แถลงหลังจากกลับสู่ที่ประชุมรัฐสภาทันทีโดยเรียกการบุกเข้าอาคารรัฐสภาว่าเป็น "การก่อการกำเริบที่ล้มเหลว" และยืนยันว่าคำกล่าวอ้างของทรัมป์เกี่ยวกับการโกงเลือกตั้งนั้นเป็นเท็จ พิโลซีและ
ชัก ชูเมอร์ (พรรคเดโมแครตนิวยอร์ก) ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา เรียกร้องให้มีการถอดถอนทรัมป์ผ่านการใช้อำนาจตาม
บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 หรือผ่าน
การฟ้องให้ขับออกจากตำแหน่ง[57] เฟซบุ๊กล็อกบัญชีต่าง ๆ ของทรัมป์และลบข้อความที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนทวิตเตอร์ได้ล็อกบัญชีของเขาเป็นเวลา 12 ชั่วโมงในตอนแรก ก่อนที่จะระงับเป็นการถาวร
[58][59]การบุกเข้าอาคารรัฐสภาได้รับการบรรยายอย่างหลากหลาย เช่นว่าเป็น
การกบฏ[60] การก่อการกำเริบ การปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง การก่อการร้ายในประเทศ[61] และความพยายามของทรัมป์ที่จะก่อ
รัฐประหารตัวเอง[62] หรือก่อ
รัฐประหาร[63][64] เพื่อต่อต้านฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งมีอำนาจเท่าเทียมกันและรองหัวหน้าฝ่ายบริหารของเขาเอง เป็นต้น ผลการหยั่งความคิดเห็นแสดงให้เห็นว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการบุกเข้าอาคารรัฐสภาและไม่เห็นด้วยกับการกระทำของทรัมป์ที่นำไปสู่เหตุการณ์ดังกล่าว แต่ผู้สนับสนุนพรรคริพับลิกันบางคนก็สนับสนุนการโจมตีหรือไม่เห็นว่าทรัมป์เป็นต้นเหตุ
[65][66][67][68] หนึ่งสัปดาห์หลังจากเหตุจลาจล สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติฟ้องให้ขับทรัมป์ออกจากตำแหน่งในข้อหา "ยุยงให้ก่อการกำเริบ" ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ถูกฟ้องร้องถึงสองครั้ง
[69]