บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่งบทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ:
ระบบการปกครองของ
คริสตจักรโรมันคาทอลิกการประชุมเลือกสันตะปาปา[1] (
อังกฤษ:
Papal conclave) คือการประชุมโดย
คณะพระคาร์ดินัล (College of Cardinals) เพื่อเลือกตั้ง
มุขนายกแห่ง
คริสตจักรกรุงโรม (Bishop of the Church of Rome) ซึ่งเป็น
พระสันตะปาปาองค์ใหม่หลังจากที่ตำแหน่งว่างลง
พระสันตะปาปาถือกันว่าเป็นผู้สืบตำแหน่งมาจาก
นักบุญเปโตร ซึ่งชาวคาทอลิกเชื่อว่าเป็นพระสันตะปาปาองค์แรก และเป็นตำแหน่งที่ถือกันว่าเป็นประมุขของคริสตจักร
โรมันคาทอลิกบนโลกมนุษย์
[2] การเลือกตั้งนี้ถือว่าเก่าแก่ที่สุดที่ดำเนินการต่อเนื่องกันมาในการเลือกตั้งประมุขของคริสตจักร
[3]การเลือกตั้งหลายครั้งในอดีตมักมีการเมืองเข้ามาแซกแทรงจนทำให้บางครั้งตำแหน่งพระสันตะปาปาว่างลงเป็นระยะเวลาครั้งละนาน ๆ โดยเฉพาะใน
ช่วงว่างระหว่างสมณสมัยตั้งแต่ปี ค.ศ. 1268 - 1271 ที่มีผลทำให้มีต้องมีการเรียกประชุม
สังคายนาวาติกันครั้งที่2ในปี ค.ศ. 1274 ที่ผลของการประชุมออกมาว่าพระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิเลือกตั้งพระสันตะปาปาต้องถูกกักตัว “ขังกุญแจ” ไว้ตามลำพัง “cum clave” (
ภาษาละติน แปลว่า “ด้วยกุญแจ”) และจะไม่ได้รับการปล่อยให้ออกมาจนกว่าจะได้พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ ในปัจจุบันการประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปากระทำกันใน
โบสถ์น้อยซิสทีนภายใน
พระราชวังพระสันตะปาปามาตั้งแต่ปี
ค.ศ. 1492[4]ในระยะสองสามร้อยปีแรกของคริสต์ศาสนา
มุขนายกแห่ง
โรมก็เช่นเดียวกับ
มุขนายกประจำมุขมณฑลอื่น ๆ ที่ได้รับเลือกโดยเอกฉันท์โดยนักบวชและประชาชนของมุขมณฑล ในกรณีนี้ก็คือกรุง
โรม[5] ในปี ค.ศ. 1059 จึงได้มีการระบุคุณสมบัติของ
คณะพระคาร์ดินัลให้เป็นกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งแต่เพียงกลุ่มเดียว
[6] ตั้งแต่นั้นมาก็ได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับกฎการเลือกตั้งกันเรื่อยมา ในปี ค.ศ. 1970
สมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ก็ทรงจำกัดอายุคาร์ดินัลว่าต้องเป็นผู้มีอายุน้อยกว่า 80 ปีจึงมีสิทธิเข้าร่วมการเลือกตั้งได้พระสันตะปาปาทรงมีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดและกฎต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของผู้ที่จะมาเป็นพระสันตะปาปาสืบต่อจากพระองค์ได้โดยการออก
สมณธรรมนูญ (apostolic constitution); กฎการเลือกตั้งปัจจุบันวางรากฐานไว้โดย
สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 ในสมณธรรมนูญชื่อ “Universi Dominici Gregis” (“the Lord's whole flock” หรือ “ธรรมนูญผู้นำกลุ่มสาวก”)
[7] และต่อมา
สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงออกบทแก้ไข “Umotu proprio” (“on his own impulse” หรือ “ธรรมนูญแรงดลใจ”) เมื่อวันที่
11 มิถุนายน ค.ศ. 2007.
[8][9] ให้พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ต้องได้รับคะแนนเสียงสองในสามจากคณะคาร์ดินัลจึงจะได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาได้