การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา (
อังกฤษ: Congress of Vienna) คือ การประชุมราชทูตจากรัฐต่าง ๆ ใน
ยุโรป มีรัฐบุรุษออสเตรีย
เคลเมนส์ เวนเซิล ฟอน เมทเทอร์นิช (Klemens Wenzel von Metternich) เป็นประธาน ประชุมกันที่
เวียนนาระหว่างเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1814 จนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1815
[1] จุดประสงค์ของการประชุม คือ ตกลงกันในปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจาก
สงครามปฏิวัติฝรั่งเศส,
สงครามนโปเลียน และการยุบ
จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ จุดประสงค์เป็นผลให้แผนที่ทางการเมืองของยุโรปต้องร่างใหม่หมด เป็นการก่อตั้งเขตแดนฝรั่งเศส,
วอร์ซอของนโปเลียน,
เนเธอร์แลนด์, รัฐต่าง ๆ ที่เดิมเป็นส่วนหนึ่งของ
สมาพันธรัฐแห่งไรน์, จังหวัด
แซกโซนีของเยอรมนีและดินแดนต่าง ๆ ของอิตาลี และก่อตั้ง
เขตอิทธิพล (spheres of influence) ซึ่งประกอบด้วยฝรั่งเศส ออสเตรีย รัสเซีย และบริเตนผู้มีหน้าที่ตัดสินปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในระดับท้องถิ่นหรือภูมิภาค "การประชุมใหญ่แห่งเวียนนา" เป็นกลายมาเป็นโครงร่างแบบอย่างของการก่อตั้ง
สันนิบาตชาติและ
สหประชาชาติต่อมา ตามจุดประสงค์ของการแสวงหาความสันติสุขจากบรรดาภาคีสมาชิกสาเหตุของการประชุมมาจากการพ่ายแพ้ของ
ฝรั่งเศสและการยอมแพ้อย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1814 ที่เป็นการยุติสงครามที่ต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาร่วมยี่สิบปี การต่อรองก็ยังคงดำเนินต่อไปแม้ว่าจะเกิดการต่อสู้ที่เกิดจากการเดินทางกลับมายึดอำนาจการครอบครองฝรั่งเศสคืนของ
จักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ระหว่าง
สมัยร้อยวัน (Hundred Days) ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1815 "กิจการสุดท้าย" ของการประชุมคือการลงนามเก้าวันก่อนที่จักรพรรดินโปเลียนจะทรงพ่ายแพ้ใน
ยุทธการที่วอเตอร์ลู (Battle of Waterloo) เมื่อวันที่
18 มิถุนายน ค.ศ. 1815สิ่งที่เป็นความพิเศษของการประชุมใหญ่แห่งเวียนนาก็คือเป็นการชุมนุมที่มิใช้การประชุมอย่างเป็นทางการ ที่มิได้มี
การประชุมเต็มคณะ (plenary session) การพบปะกันส่วนใหญ่เป็นไปอย่างไม่เป็นทางการ การพบกันตัวต่อตัว หรือการประชุมระหว่าง
มหาอำนาจฝรั่งเศส ออสเตรีย รัสเซีย และบริเตน และบางครั้งก็รวมปรัสเซียกับผู้แทนผู้เข้าร่วมประชุมผู้อื่น แต่จะอย่างไรก็ตาม การประชุมใหญ่แห่งเวียนนาก็เป็นเหตุการณ์แรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นการประชุมระดับทวีปที่พยายามหาทางตกลงสนธิสัญญาร่วมกัน แทนที่จะใช้ผู้ถือสาส์นติดต่อกันระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง แม้ว่าข้อตกลงจากการประชุมใหญ่แห่งเวียนนาจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้างหลังจากนั้น แต่ก็กลายเป็นโครงสร้างทางการเมืองระดับนานาชาติของยุโรปมาจนกระทั่งเกิด
สงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปี
ค.ศ. 1914