การประท้วงกรณีจอร์จ ฟลอยด์ (
อังกฤษ: George Floyd protests)
[3][4] เป็นกลุ่มการประท้วงและจลาจลที่กำลังดำเนินอยู่
[5] เพื่อตอบโต้
การใช้ความรุนแรงของตำรวจสหรัฐและ
คตินิยมเชื้อชาติ เริ่มต้นจาก
การประท้วงระดับท้องถิ่นในเขตมหานคร
มินนีแอโพลิส–เซนต์พอล รัฐมินนิโซตา ก่อนที่จะแพร่กระจายไปทั่วสหรัฐและทั่วโลก การประท้วงนั้นเริ่มต้นขึ้นใน
มินนีแอโพลิสเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 หลัง
ชายผิวดำชื่อ จอร์จ ฟลอยด์ เสียชีวิตเนื่องจากเดริก ชอวิน
ตำรวจเมืองมินนีแอโพลิส (เอ็มพีดี) กดเข่าลงบนคอของฟลอยด์เป็นเวลา 8 นาที 46 วินาที ระหว่างการจับกุมฟลอยด์ในคืนก่อนหน้า
[6]ในการประท้วงที่สถานีตำรวจมินนีแอโพลิส เขต 3
[7] ผู้เดินขบวนได้ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งใช้
แก๊สน้ำตาและ
กระสุนยาง[8][9] ในวันที่ 27 พฤษภาคม ชายคนหนึ่งถูกยิงจนเสียชีวิตโดยเจ้าของโรงรับจำนำที่คิดว่าชายผู้นั้นกำลังขโมยของ และกระจกหน้าต่างของสถานีตำรวจเขต 3 ได้ถูกทุบทำลาย ร้านค้าหลายร้านถูกบุกทำลาย ปล้น และ
วางเพลิง[10]เป็นเวลาหลายวันหลังการเสียชีวิตของฟลอยด์ ผู้ประท้วงหลายร้อยคนได้มาชุมนุมที่ทางเข้าบ้านของชอวิน (ตำรวจผู้วางเข่าบนคอฟลอยด์) ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมเหตุการณ์
[11] ต่อมาในวันที่ 28
เจคอบ เฟรย์ นายกเทศมนตรีเมืองมินนีแอโพลิส ได้ประกาศ
สถานการณ์ฉุกเฉิน และ
ทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ได้ร้องขอเจ้าหน้าที่จาก
กองกำลังป้องกันชาติมินนิโซตาจำนวน 500 นายเข้ามาประจำการ
[12] ไม่เกินเช้าวันถัดมา ธุรกิจร้านค้าต่าง ๆ ในมินนีแอโพลิส–เซนต์พอลได้ถูกปล้นและทำลายเพิ่มอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจมินนีแอโพลิสในอาคารสถานีตำรวจเขต 3 พยายามสกัดกั้นผู้ประท้วงโดยใช้
แก๊สน้ำตา แต่ต่อมาในเวลาประมาณห้าทุ่ม ผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปในอาคารสถานีและจุดไฟเผาอาคารหลังจากที่ทุกคนได้อพยพออกมาจากอาคารแล้ว
[13] การประท้วงยังคงดำเนินต่อไปในวันที่ 30 ทิม วอลซ์, เจคอบ เฟรย์ และ
เมลวิน คาร์เตอร์ นายกเทศมนตรีเมืองเซนต์พอล ได้ประกาศ
เคอร์ฟิว[14] ประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันกับวอลซ์ว่า
กองทัพสหรัฐพร้อมเข้าช่วยเหลือในเหตุการณ์หากจำเป็น
[15][16]ณ วันที่ 31 มีการประท้วงพร้อมกัน
ในมากกว่า 100 เมืองในสหรัฐและนอกสหรัฐ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับฟลอยด์ พร้อมทั้งเป็นการชี้ให้เห็นถึงปัญหา
การใช้ความรุนแรงของตำรวจในสหรัฐ เมืองสำคัญที่มีการประท้วง เช่น
แอตแลนตา,
บอลทิมอร์,
เบอร์มิงแฮม,
บอสตัน,
ชาร์ลอตต์,
ชิคาโก,
โคลัมบัส,
แดลลัส,
เดนเวอร์,
ดีทรอยต์,
ฟอร์ตลอเดอร์เดล,
ฮิวส์ตัน,
อินเดียแนโพลิส,
แจ็กสันวิลล์,
แคนซัสซิตี,
ลาสเวกัส,
ลอสแอนเจลิส,
ลุยส์วิลล์,
ไมแอมี,
มอนทรีออล,
แนชวิลล์,
นิวออร์ลีนส์,
นครนิวยอร์ก,
ฟิลาเดลเฟีย,
ฟีนิกซ์,
พิตต์สเบิร์ก,
พอร์ตแลนด์ (รัฐออริกอน),
ริชมอนด์ (รัฐเวอร์จิเนีย),
ซอลต์เลกซิตี,
ซานฟรานซิสโก,
ซีแอตเทิล,
แทมปา,
โทรอนโต,
ทัลซา,
แวนคูเวอร์,
วอชิงตัน ดี.ซี. เป็นต้น ในเมืองสำคัญอย่างน้อย 12 เมืองได้มีการประกาศ
เคอร์ฟิวในเย็นวันที่ 30 พฤษภาคม
[17] นับตั้งแต่การเริ่มประท้วงจนถึงคืนวันที่ 31 มีผู้ถูกจับกุมอย่างน้อย 4,400 คน
[2]