ตัวอย่างการใช้คำ ของ การปรับตัวไม่ดี

  • ในช่วงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น ปรากฏการณ์โลกร้อนหรือโลกเย็น สปีชีส์ที่ปรับตัวได้ดีในภูมิอากาศเดิมอาจกลายเป็นปรับตัวได้ไม่ดีในภูมิอากาศใหม่แล้วเริ่มสูญพันธุ์ ถ้าถูกกันไม่ให้เปลี่ยนที่อยู่ไม่ว่าจะเป็นเหตุทางธรรมชาติหรือเหตุจากมนุษย์ ส่วนคำที่ใช้ในภาษาอังกฤษว่า "maladaptation to climate change (การปรับตัวไม่ดีต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ)" อาจหมายถึงสถานการณ์ที่การสนับสนุนให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ อาจกลับไปสนับสนุนโครงการที่ทำอันตรายต่อระบบสังคม-นิเวศวิทยาต่าง ๆ หรือแย่ยิ่งกว่านั้น คือ โครงการอาจไม่สามารถบรรลุผลตามที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ แล้วเกิดผลที่ไม่ได้ประสงค์ ซึ่งบางกรณีอาจเพิ่มความอ่อนแอของระบบในช่วงระยะเวลาที่ยาวกว่า[1] ยกตัวอย่างเช่น มีการเสนอว่า การมีประกันภัยโลกร้อนแบบต่าง ๆ เช่นน้ำท่วมหรือพายุ อาจจะขัดขวางความพยายามให้เจ้าของสมบัติทำการที่ควรเพื่อลดความเสี่ยงภัยเหล่านั้น[2] ดังนั้น จึงมีแนวทางที่เสนอเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับตัวไม่ดีเช่นนี้ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ[3]
  • การดื้อยาปฏิชีวนะก็เป็นประเด็นการปรับตัว/การปรับตัวไม่ดีจากมุมมองของเชื้อโรคด้วย คือ เชื้อโรครุ่นต้น ๆ ได้ปรับตัวเข้ากับสภาวะทางสรีรภาพของผู้ถูกเบียนและสามารถที่จะขยายเพิ่มจำนวนขึ้นได้ แต่เมื่อมีการใช้ยาปฏิชีวนะ เชื้อโรคที่ไม่มีภูมิต้านทานก็จะเสียเปรียบ แต่ว่า ความสามารถในการขจัดยาปฏิชีวนะก็มีราคาด้วย คือ กลไกที่ให้ภูมิต้านทานต้านยาปฏิชีวนะ คือ เอนไซม์ beta-lactamase มีโอกาสน้อยมากที่จะมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ดังนั้น พลังงานที่สามารถใช้ในการเจริญเติบโตและสืบพันธุ์ต้องเอาไปสู้กับยาปฏิชีวนะ ดังนั้น สำหรับเชื้อโรค จึงเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างสมรรถภาพการเติบโตได้เร็วเมื่อไม่มีภูมิและไม่มียาปฏิชีวนะ กับสมรรถภาพการกำจัดยาปฏิชีวนะเมื่อมี ดังนั้น ในตัวอย่างนี้ กลยุทธ์ที่เสถียรโดยกระบวนการวิวัฒนาการจึงเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช้ยาปฏิชีวนะแบบไม่เลือก
  • นกโดโด้มีสมรรถภาพในการรับมือกับปัญหาภูมิอากาศในหมู่เกาะมอริเชียส คือ ในช่วงปีที่อากาศกึ่งแห้งแล้งโดยมาก พืชจะมีผลิตผลที่นกสามารถใช้เป็นอาหารได้ (เช่นผลไม้) น้อยเทียบกับช่วงปีที่ฝนตกซึ่งมีเหลือเฟือ นกจึงปรับตัวเข้ากับภูมิอากาศนี้โดยสะสมไขมันเมื่อมีอาหารมาก และโดยปรับวงจรฤดูผสมพันธุ์ให้เข้ากับภูมิอากาศ แต่เมื่อเผชิญกับมนุษย์และสัตว์ล่าเหยื่ออื่น ๆ ที่มนุษย์นำมา การปรับตัวนี้ในที่สุดทำให้นกสูญพันธุ์ เพราะมนุษย์คิดว่า นกกินดีและดังนั้นก็จะล่ามัน หรือว่าจะฆ่ามันเพื่อสนุกเพราะว่านกดูและเคลื่อนไหวอย่างตลก ๆ วงจรการผสมพันธุ์ของนก ซึ่งตอนแรกทำให้ประหยัดพลังในการสืบพันธุ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้นกอ่อนแอต่อหมูและลิงที่มนุษย์นำมา เพราะว่า เป็นไปได้น้อยมากที่นกที่สูญไข่ไปแล้วจะทำรังออกไข่ใหม่ก่อนที่ฤดูผสมพันธุ์ในปีจะหมดลง
  • ศัพท์ภาษาอังกฤษว่า neuroplasticity (สภาพพลาสติกของระบบประสาท) นิยามว่าเป็น "สมรรถภาพของสมองที่จัดปรับปรุงตัวเองโดยสร้างการเชื่อมต่อทางประสาทใหม่ ๆ ชั่วชีวิต"[4] โดยมองว่าเป็นการปรับตัวที่ช่วยมนุษย์ให้ปรับตัวกับสิ่งเร้าใหม่ ๆ เช่นการเคลื่อนไหวของผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านดนตรี และกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องประสานมือกับตา ส่วนตัวอย่างการปรับตัวไม่ดีของสภาพพลาสติกของระบบประสาทก็คือ ความเจ็บปวดในแขนขาที่ไม่มีแล้ว (phantom pain) คือ แม้ว่าสมองจะเก่งมากในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าและจัดระเบียบตนเองใหม่เพื่อให้ตอบสนองได้ดีกว่าและเร็วกว่าในอนาคต แต่บางครั้งก็ไม่สามารถรับมือกับการสูญแขนขาไปได้แม้การเชื่อมต่อกับแขนขาจะไม่มีแล้ว มีวารสารวิทยาศาสตร์ที่พบว่า ในบางกรณี ความเปลี่ยนแปลงที่เคยช่วยให้สมองมนุษย์ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมสามารถกลายเป็นการปรับตัวไม่ดีได้เช่นกัน[5] ในกรณีที่สูญแขนขา สมองอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่แขนขา แม้ว่าจะไม่มีประสาทหรือสัญญาณประสาทจากแขนขาที่สูญไปแล้วเพื่อควรจะให้รู้สึกอย่างนั้น

ใกล้เคียง

การประท้วงในประเทศไทย พ.ศ. 2563–2564 การปรับตัวเป็นสัตว์เลี้ยง การประกวดความงาม การปรับตัว (ชีววิทยา) การประเมินตัวเองหลัก (จิตวิทยา) การประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์นานาชาติ การปรับอากาศรถยนต์ การประมาณราคา การประกันภัย การปรับตัวของประสาท