เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563
รัฐบาลอินเดียภายใต้การนำของ
นเรนทระ โมที ได้สั่งทำ
การปิดเมืองทั่วประเทศอินเดีย (nation-wide lockdown) เป็นเวลา 21 วัน โดยจำกัดการเคลื่อนที่ของประชากรรวมกว่า 1.3 พันล้านคนของประเทศอินเดีย เป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกัน
การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศอินเดีย[1] ก่อนหน้าการประกาศปิดเมืองนี้ รัฐบาลอินเดียได้มีการประกาศเคอร์ฟิวแบบสมัครใจ 14 ชั่วโมง (voluntary public curfew) เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ตามด้วยการประกาศบังคับในภูมิภาคของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19
[2][3] การปิดเมืองทั้งประเทศได้ถูกประกาศใช้หลังจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันในประเทศอินเดียอยู่ที่ประมาณ 500 คน
[1]หลังการสิ้นสุดการประกาศปิดเมืองทั่วประเทศครั้งแรก รัฐบาลประจำรัฐและหน่วยงานที่ปรึกษามีความเห็นพ้องให้ขยายการปิดเมืองต่อไปอีก
[4] โดยรัฐบาลของ
รัฐโอริศาและ
รัฐปัญจาบได้ขยายการปิดเมืองออกไปถึงวันที่ 1 พฤษภาคม
[5] ตามด้วย
รัฐมหาราษฏระ,
รัฐกรณาฏกะ,
รัฐเบงกอลตะวันตก และ
รัฐเตลังคานา[6][7] ต่อมาในวันที่ 14 เมษายน นายกรัฐมนตรีนเรนทระ โมที ได้ขยายการปิดเมืองทั้งประเทศ (nationwide lockdown) ออกไปจนถึงวันที่ 3 พฤษภาคม พร้อมมีนโยบายผ่อนปรนเสริมตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนในภูมิภาคที่ได้ควบคุมการติดเชื้อสำเร็จ
[8]ในวันที่ 1 พฤษภาคม รัฐบาลกลางได้ประกาศขยายการปิดเมืองทั่วประเทศออกไปอีกสองสัปดาห์ จนถึงวันที่ 17 พฤษภาคม รัฐบาลได้แบ่งประเทศอินเดียออกเป็นสามเขต คือเขตสีเขียว สีแดง และสีส้ม โดยมีมาตรการผ่อนปรนแตกต่างกันไป
[9]ต่อมาในวันที่ 17 พฤษภาคม การปิดเมืองทั่วประเทศได้ขยายออกไปอีกจนถึงสิ้นเดือนในวันที่ 31 พฤษภาคม ภายใต้การดูแลของ
หน่วยงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติ[10] เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ได้มีการประกาศว่าคำสั่งปิดเมืองที่ดำเนินอยู่นั้นจะขยายออกไปถึง 30 มิถุนายนในพื้นที่กักกัน (containment zones) ส่วนพื้นที่อื่น ๆ นั้นให้บริการต่าง ๆ กลับมาเปิดเป็นปกติในวันที่ 8 มิถุนายน ภายใต้ชื่ออันล็อก-วัน ("Unlock 1") โดยให้
ศาสนสถาน ร้านอาหาร ห้าง เปิดทำการ
[11]