ข้อควรระวัง ของ การร่วมเพศอย่างปลอดภัย

ภาพพิมพ์ shunga โดย คุนิซะดะ แสดงการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองของสตรี

เซ็กส์เดี่ยว

หรือเรียกว่า autoeroticism กิจกรรมทางเพศคนเดียว ค่อนข้างปลอดภัย การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองเป็นการกระตุ้นอวัยวะเพศของตัวเองมีความปลอดภัย หากไม่ได้สัมผัสกับของเหลวในร่างกายของคนอื่น กิจกรรมบางอย่างเช่น เซ็กซ์โฟน ไซเบอร์เซ็กซ์ ที่อนุญาตให้คู่รักมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางเพศโดยไม่ต้องอยู่ในห้องเดียวกัน ลดความเสี่ยงที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนของเหลวในร่างกาย[6]

เซ็กส์ที่ไม่สอดใส่

ภาพวาดสีน้ำของการกระตุ้นอวัยวะเพศชายด้วยมือของJohann Nepomuk Geiger, 1840

โจเซลิน เอลเดอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขสหรัฐฯในสมัยประธานาธิบดีบิล คลินตันพยายามส่งเสริมการร่วมเพศแบบไม่สอดใส่เหล่านี้ในหมู่เยาวชน แต่ตำแหน่งของเธอต้องเผชิญกับความขัดแย้งจากหลายช่องทางรวมทั้งทำเนียบขาวและส่งผลให้เธอถูกไล่ออกโดยประธานาธิบดีคลินตันในเดือนธันวาคม ปี 1994[7][8][9]

ตามข้อมูลจากกรมอนามัยของรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียการปฏิบัติทางเพศนี้ เช่น การจูบ การสำเร็จความใคร่ให้กัน การถู หรือการลูบไล้ อาจป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้  อย่างไรก็ตาม เซ็กส์ที่ไม่สอดใส่ ก็ไม่ปกป้องกับการติดเชื้อ จากโรคที่มีการติดต่อทางผิวหนังอย่างเช่น เริม และ หูดหงอนไก่[10]

การป้องกัน

อุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเลือด ของเหลวในช่องคลอด น้ำอสุจิหรือสารปนเปื้อนอื่น ๆ (เช่น ผิว ผม และวัตถุที่ใช้ร่วมกัน) ในระหว่างกิจกรรมทางเพศ กิจกรรมทางเพศโดยใช้อุปกรณ์เหล่านี้เรียกว่า เซ็กส์ที่มีการป้องกัน

เครื่องขายถุงยาง

เมื่อใช้สิ่งป้องกันที่ทำมาจากยาง สารหล่อลื่นจากน้ำมันสามารถทำลายโครงสร้างของยาง และการป้องกันไม่เป็นผล

ถุงยางอนามัย (ทั้งชายหรือหญิง) ใช้เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเมื่อใช้ร่วมกับรูปแบบอื่น ๆ ของการคุมกำเนิด สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการคุมกำเนิด ตัวอย่างเช่น การใช้ทั้งถุงยางอนามัยชายและยาฆ่าเชื้ออสุจิ (ใช้แยกกันไม่ได้หล่อลื่นล่วงหน้า) เชื่อว่าจะช่วยลดอัตราการตั้งครรภ์อย่างสมบูรณ์แบบ[11]

อย่างไรก็ตามหากใช้ถุงยางอนามัยสองถุงพร้อมกัน (ถุงยางอนามัยชายที่อยู่ด้านบนของถุงยางอนามัยชายหรือถุงยางอนามัยชายในถุงยางอนามัยหญิง) จะทำให้โอกาสในการเกิดถุงยางแตกเพิ่มขึ้น[12][13]

การใช้ที่เหมาะสมของสิ่งป้องกัน เช่น ถุงยางอนามัยขึ้นอยู่กับความสะอาดของพื้นผิวของ ถุงยาง การสัมผัสสามารถผ่านการปนเปื้อนไปและจากพื้นผิวของสิ่งป้องกัน เว้นแต่จะมีการดูแล การศึกษาประสิทธิภาพของถุงยางอนามัยในระหว่างการใช้งานพบว่าอัตราการแตกและอัตราการหลุดแตกต่างกันไปตั้งแต่ 1.46% ถึง 18.60%[14] ต้องสวมถุงยางอนามัยก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนของเหลวในร่างกายและต้องใช้ระหว่างการร่วมเพศทางปากด้วยเช่นกัน[15]

ข้อจำกัด

แม้ว่าการใช้ถุงยางอนามัยสามารถลดการแพร่เชื้อเอชไอวีและเชื้ออื่น ๆ ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำอย่างสมบูรณ์ การศึกษาได้พบว่าถุงยางอนามัยอาจลดการแพร่เชื้อเอชไอวีได้ 85% ถึง 95% ประสิทธิภาพมากกว่า 95% ถือว่าไม่น่าเป็นไปได้เนื่องจากความลื่นหลุด การแตกและการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง[16] นอกจากนี้ยังกล่าวว่า "ในทางปฏิบัติการใช้งานที่ไม่สม่ำเสมออาจลดประสิทธิภาพโดยรวมของถุงยางอนามัยลงเหลือเพียง 60-70%"[16]

ในระหว่างการร่วมเพศทางทวารหนักในแต่ละครั้งความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีจากคู่นอนทีี่มีเชื้อเอชไอวีโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยมีประมาณ 1 ใน 120 คน ในกลุ่มคนที่ใช้ถุงยางอนามัยความเสี่ยงของคู่นอนลดลงเป็น 1 ใน 550 ซึ่งลดลงถึง 4-5 เท่า ในกรณีที่ไม่ทราบสถานะทางเชื้อเอชไอวีของคู่นอน "ความเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักแบบป้องกันกับ ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีและที่ทราบว่าติดเชื้อซึ่งรวมถึงตอนที่ถุงยางอนามัยล้มเหลวอยู่ที่ประมาณ 2 ใน 3 ของความเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับคู่นอนเหล่านั้นแบบไม่ได้ป้องกัน[17]

ใกล้เคียง

การร่วมเพศ การร่วมเพศแบบไม่สอดใส่ การร่วมเพศอย่างปลอดภัย การร่วมเพศทางปาก การร่วมเพศทางทวารหนัก การร่วมประเวณีกับญาติสนิท การร่วมประเวณีทางหน้าอก การร่างภาพ การร่วมเพศหมู่ การรถไฟแห่งประเทศไทย

แหล่งที่มา

WikiPedia: การร่วมเพศอย่างปลอดภัย http://aids.about.com/od/technicalquestions/f/oral... http://www.aegis.com/news/bar/2001/BR010617.html http://www.askoxford.com/concise_oed/safesex?view=... http://findarticles.com/p/articles/mi_m1316/is_n1-... http://journals.lww.com/stdjournal/Fulltext/2008/1... http://www.safesexdrive.com/health.php http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,9... http://www.goaskalice.columbia.edu/1139.html http://www.mckinley.illinois.edu/handouts/sexually... http://www.nyu.edu/shc/promotion/condoms.dental.da...