ประเทศไทยมีอัตรา
การว่างงานต่ำมาก โดยอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ในปี 2557
[1] แนวโน้มการว่างงานในประเทศไทยไม่เปลี่ยนไปมากวัฏจักรธุรกิจตามทฤษฎี
เศรษฐศาสตร์ทั่วไป เพราะโครงสร้างสังคมของไทยทำให้ผู้ว่างงานหางานทำใหม่ได้โดยเร็ว ส่งผลให้คนไทยวัยทำงานกว่าครึ่งประเทศประกอบอาชีพที่ไม่มั่นคง (งานรับจ้างทั่วไปและการช่วยงานครอบครัวโดยไม่มีรายได้ตอบแทน)
[1] คนวัยทำงานกว่าร้อยละ 60 ประกอบอาชีพอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้ผู้ที่มีงานทำเข้าไม่ถึงการให้บริการประกันสังคมและไม่ได้รับการคุ้มครองเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้
[1] อัตราการว่างงานที่ต่ำนี้ทำให้ตัวเลขดังกล่าวนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเศรษฐศาสตร์ของประเทศไม่ได้ เพราะปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่การจ้างงานต่ำระดับสำนักข่าว
บลูมเบิร์กรายงานว่าอัตราการว่างงานในไทยอยู่ที่ร้อยละ 0.56 ในปี 2558
[2] ซึ่งสวนกระแสโลกที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจาก
ราคาน้ำมันดิบที่ต่ำลง
วิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และการชะลอตัวของ
เศรษฐกิจจีน ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าอัตราการว่างงานในไทยที่ต่ำนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ อนึ่ง ประเทศไทยมีระบบ
ประกันสังคมที่ไม่เข้มแข็งและน้อยคนจะสามารถเข้าถึงการประกันการว่างงาน ทำให้ผู้ทำงานไม่สามารถจะทิ้งระยะห่างหลังจากตกงานได้นาน ประเทศไทยยังเป็น
สังคมเกษตรกรรม ทำให้ผู้ที่ตกงานในเขตเมืองสามารถเลือกกลับไปทำไร่ทำนาได้โดยง่าย โดยผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมนี้มีมากถึงร้อยละ 40 ของแรงงาน[
ต้องการอ้างอิง] นอกจากนี้ ประเทศไทยมี
อัตราการเจริญพันธุ์ที่ต่ำมาก[
ต้องการอ้างอิง] ทำให้มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเริ่มทำให้ไม่มากในแต่ละปี แต่มีผู้เกษียณอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้มีแรงงานไม่เพียงพอและอัตราการว่างงานต่ำลงโดยธรรมดาในปี 2561 สำนักข่าวบลูมเบิร์กจัดให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีดัชนีความทุกข์ยาก (misery index) ต่ำสุดในโลกเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยนำตัวเลขอัตราว่างงาน 1.3% ของไทยในปี 2560 ที่
ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานไปพิจารณา
[3]