การสมานแผล (
อังกฤษ: wound healing, wound repair) เป็นกระบวนการซับซ้อนซึ่ง
ผิวหนังหรืออวัยวะอื่นทำการซ่อมแซมตัวเองหลังจากได้รับบาดเจ็บ
[2] ในผิวหนังปกติ ชั้น
epidermis และ
dermis อยู่ในสมดุลสถิตตลอดเวลาเพื่อสร้างเกราะกำบังป้องกันร่างกายจากสิ่งแวดล้อมภายนอก เมื่อเกราะป้องกันนี้ถูกทำลายจะมีกระบวนการทาง
สรีรวิทยาปกติเพื่อทำการรักษา
บาดแผลเกิดขึ้นทันที ตัวแบบคลาสสิกของการสมานแผลแบ่งออกเป็นสามหรือสี่ระยะซึ่งค่อนข้างซ้อนทับกัน ระยะที่ (1) คือระยะการหยุดของเลือด (
hemostasis) ซึ่งนักวิชาการบางท่านไม่นับเป็นระยะ (2)
การอักเสบ (inflammatory) (3) การเจริญ (proliferative) และ (4) การปรับรูปร่าง (remodeling)
[3] เมื่อเกิดมีการบาดเจ็บของผิวหนังจะมีเหตุการณ์ทาง
ชีวเคมีอันซับซ้อนเกิดขึ้นเป็นขั้นตอนที่สอดรับกันอย่างดีเพื่อรักษาบาดแผล
[4] ภายในไม่กี่นาทีหลังได้รับบาดเจ็บ
เกล็ดเลือดจะมารวมตัวกันที่บริเวณบาดแผลเพื่อสร้างเป็น
fibrin clot โดย
clot นี้จะทำหน้าที่ควบคุมไม่ให้
เลือดไหลในระยะการอักเสบ
แบคทีเรียและเศษเซลล์จะถูกจับกินและกำจัดทิ้ง มี factor หลายอย่างถูกปล่อยออกมาทำให้มีการย้ายที่และ
การแบ่งตัวของเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระยะการเจริญในระยะเจริญมีลักษณะเฉพาะคือการสร้างหลอดเลือดใหม่ (
angiogenesis) การวางตัวของ
คอลลาเจน (collagen deposition) การสร้างเนื้อเยื่อแกรนูเลชัน (
granulation tissue formation) การสร้างเนื้อเยื่อบุผิว (epithelialization) และการหดรั้งตัวของบาดแผล (wound contraction)
[5] ในการสร้างหลอดเลือดใหม่จะมีการสร้าง
หลอดเลือดขึ้นมาใหม่จากเซลล์เยื่อบุผิวหลอดเลือด
[6] ใน fibroplasia และ granulation tissue formation นั้นเซลล์
ไฟโบรบลาสต์จะเจริญและสร้าง extracellular matrix ขึ้นมาใหม่โดยการหลั่ง collagen และ
fibronectin[5] ในขณะเดียวกันเยื่อบุผิวจะมีการสร้างเยื่อบุผิวขึ้นใหม่โดยเซลล์เยื่อบุผิวจะเจริญและ "คืบคลาน" มาอยู่เหนือก้นแผล เป็นการปกป้องเนื้อเยื่อที่กำลังสร้างขึ้นใหม่
[7]ในการหดรั้งของบาดแผล บาดแผลจะมีขนาดเล็กลงเป็นผลจาก
myofibroblast ซึ่งทำให้เกิดการหดตัวที่ขอบแผลและหดตัวเองลงด้วยกระบวนการคล้ายคลึงกับการหดตัวของเซลล์
กล้ามเนื้อเรียบ เมื่อบทบาทของเซลล์เหล่านี้ยุติลงจะเกิดกระบวนการ
apoptosis เพื่อทำลายตัวเองในขั้นตอนการเจริญเต็มที่และปรับรูปร่างของบาดแผล collagen จะมีการปรับรูปร่างและจัดเรียงตำแหน่งใหม่ตามแนวแรงตึง เซลล์ที่หมดหน้าที่จะทำลายตัวเองด้วยกระบวนการ apoptosis
[5]อย่างไรก็ดี กระบวนการเหล่านี้ซับซ้อนและเปราะบางอย่างมาก มีโอกาสถูกขัดจังหวะทำให้เกิดการล้มเหลวของการสมานแผลกลายเป็นบาดแผลที่ไม่หายเรื้อรังได้ ปัจจัยที่อาจมีส่วน เช่น
เบาหวาน โรคหลอดเลือดดำหรือหลอดเลือดแดง อายุมาก และ
การติดเชื้อ เป็นต้น
[8]