การสังหารหมู่กาตึญ (โปแลนด์: zbrodnia katyńska, mord katyński, "Katyń crime",) เป็นเรื่องราวของการสังหารหมู่ชาวโปแลนด์ ดำเนินการโดยหน่วยเอ็นเควีดี (หน่วยพลาธิการประชาชนเพื่อกิจการภายใน, ตำรวจลับของโซเวียต) ในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ปี 1940 แม้ว่าการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในสถานที่ที่แตกต่างกันหลายสังหารหมู่เป็นชื่อหลังจากที่ป่ากาตึญพื้นที่บางส่วนของหลุมฝังถูกค้นพบครั้งแรกการสังหารหมู่ที่ได้รับแจ้งจากหัวหน้าหน่วย NKVD ลัฟเรนตีย์ เบรียา ข้อเสนอของสมาชิกในการจัดการเชลยทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ทหารโปแลนด์ลงในวันที่ 5 มีนาคม 1940 ได้รับอนุมัติจากโปลิตบูโรของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียตรวมทั้งผู้นำโจเซฟ สตาลิน จำนวนผู้ที่ตกเป็นเหยื่อประมาณ 22,000 คน.[1] ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อถูกประหารชีวิตในป่ากาตึญ ดินแดนรัสเซีย, ตเวียร์และคาร์คิฟ เรือนจำและที่อื่น ๆ ของทั้งหมดถูกฆ่าตายประมาณ 8,000 คน ในช่วงปี 1939 โซเวียตบุกโปแลนด์ อีก 6,000 คนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและส่วนที่เหลือเป็นปัญญาชนชาวโปแลนด์ ว่ากันว่าโซเวียตจะถือว่าเป็น "นักจารกรรม, ตำรวจ, เจ้าของที่ดิน, ผู้ก่อวินาศกรรม, เจ้าของโรงงาน, ทนายความ, เจ้าหน้าที่และพระนักบวช"[1]รัฐบาลของนาซีเยอรมนีประกาศการค้นพบหลุมฝังศพในป่ากาตึญในปี 1943 คณะรัฐบาลพลัดถิ่นโปแลนด์เมื่อครั้งอยู่ในกรุงลอนดอนได้มาขอตรวจสอบโดยคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ แต่สตาลินกลับตัดความสัมพันธ์ทางการทูตทันที สหภาพโซเวียตได้อ้างว่าผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการสังหารหมู่ถูกจัดการโดยพวกนาซีในปี 1941 และยังคงปฏิเสธความรับผิดชอบในการสังหารหมู่จนกระทั่งปี 1990 เมื่อได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการและประณามการกระทำผิดของการสังหารหมู่โดย NKVD รวมไปถึงการปกปิดโดยรัฐบาลโซเวียต[1][2]การตรวจสอบการดำเนินการโดยสำนักงานของอัยการสูงสุดของสหภาพโซเวียต (1990-1991) และสหพันธรัฐรัสเซีย (1991-2004) ได้รับการยืนยันความรับผิดชอบโซเวียตในการสังหารหมู่ แต่ปฏิเสธที่จะจำแนกการกระทำนี้เป็นอาชญากรรมสงครามหรือการกระทำของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสืบสวนถูกปกปิดโดยอ้างว่ากระทำผิดของความโหดร้ายที่ตายแล้ว และตั้งแต่รัฐบาลรัสเซียจะไม่จำแนกการตายเป็นเหยื่อของการกวาดล้างครั้งใหญ่ การฟื้นฟูการมรณกรรมอย่างเป็นทางการก็ยังถือว่าใช้ไม่ได้ในเดือนพฤศจิกายน 2010, สภาดูมาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียได้อนุมัติการประกาศโทษสตาลินและเจ้าหน้าที่ของสหภาพโซเวียตอื่น ๆ ที่มีส่วนบุคคลที่ได้รับคำสั่งการสังหารหมู่ในครั้งนี้[3]