การสังหารหมู่คนผิวดำที่ทัลซา (
อังกฤษ: Tulsa race massacre) เกิดขึ้นระหว่าง 31 พฤษภาคม ถึง 1 กรกฎาคม 1921 ที่ซึ่งม็อบคนผิวขาว ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับมอบหมายและได้รับอาวุธจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลของเมืองทัลซา เข้าโจมตีผู้อยู่อาศัยผิวดำและทำลายบ้านเรือนและธุรกิจของคนผิวดำใน
อำเภอกรีนวูด เมือง
ทัลซา รัฐโอคลาโฮมา ของ
สหรัฐ บางทีเรียก
การจลาจลเหตุสีผิวที่ทัลซา (
อังกฤษ: Tulsa race riot)
[7] หรือ
การสังหารหมู่วอลล์สตรีทของคนผิวดำ (
อังกฤษ: Black Wall Street massacre)
[8] เหตุการณ์นี้เป็นหนึ่งใน "เหตุการณ์เดี่ยวที่เลวร้ายที่สุดใส
ความรุนแรงเหตุสีผิวในสหรัฐ"
[9] การโจมตีมีจากทั้งภาคพื้นดินและจากเครื่องบินส่วนตัว ส่งผลให้ย่านคนผิวดำพื้นที่กว่า 35 บล็อกถูกเผาและทำลาย ย่านคนผิวดำที่กรีนวูดนี้ในขณะนั้นเป็นย่านคนผิวดำที่ร่ำรวยที่สุดในสหรัฐ จนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "
วอลล์สตรีทของคนผิวดำ" (Black Wall Street)
[10]มีรายงานผู้ถูกส่งเข้าโรงพบาบาลมากกว่า 800 คน และมีรายงานคนผิวดำสูงถึง 6,000 ที่ถูกกักกัน จำนวนมากถูกกักกันเป็นเวลาอีกหลายวัน
[11] สำนักสถิติการเกิด-ตายของรัฐโอคลาโฮมา (Oklahoma Bureau of Vital Statistics) รายงานยอดเสียชีวิตอย่างเป็นทางการที่มีบันทึกไว้อยู่ที่ 36 ราย
[12] ในปี 2001 มีการ
จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์และยืนยันยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 39 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนดำ 26 ราย และคนขาว 13 ราย โดยรวบรวมจากรายงานการผ่าชันสูตรศพร่วมสมัย, มรณบัตร และบันทึกอื่น ๆ
[13] นอกจากนี้ยังรายงานประมาณยอดเสียชีวิตเป็นช่วงอยู่ที่ 75 ถึง 300 ราย
[14][15]การสังหารหมู่เริ่มต้นขึ้นระหว่างสุดสัปดาห์ของ
วันเมมอเรียล หลังชายวัย 19 ปี
ดิก โรวแลนด์ คนขัดรอบเท้าผิวดำถูกกล่าวโทษว่าเป็นผู้ฆาตกรรมแซราห์ เพจ (Sarah Page) สตรีวัย 17 ปี ผิวขาว
คนควบคุมลิฟต์โดยสารของอาคารเดร็กเซล (Drexel Building) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กัย โรว์แลนด์ถูกนำเข้ากระบวนการตัดสินคดี หลังเขาถูกจับกุม ได้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมืองว่าโรวแลนด์จะถูก
ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ หลังมีรายงานว่ามีม็อบคนขาวตำนวนหลายร้อยคนรสมตัวกันรอบทัณฑสถานที่กักขังโรว์แลนด์ ก็ได้มีกลุ่มชายผิวดำจำนวน 75 คน บางส่วนมีอาวุธ เดินทางไปที่ทัณฑสถานเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กับโรว์แลนด์ว่าเขาจะไม่ถูกนำไปแขวนคอ นายอำเภอโน้มน้าวให้กลุ่มออกจากทัณฑสถาน และให้คำสัญญาว่าเหตุการณ์จะอยู่ภายใต้การควบคุม ระหว่างนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น ทันใดนั้น "ทุกอย่างก็วุ่นวายชิบหายวายป่วง" (all hell broke loose) ตามรายงานของนายอำเภอ หลังการยิงกันสิ้นสุด มีผู้เสียชีวิต 12 ราย เป็นคนขาว 10 ราย และคนดำ 2 ราย หลังข่าวการยิงกันนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองทัลซา ม็อบที่เกรี้ยวกราดก็ปะทุออก
[2] โดยผู้ก่อการจลาจลผิวขาวบุกเข้าทำลายทรัพย์สินของคนผิวดำ จนกระทั่วเวลาราวเที่ยงวันของวันที่ 1
องครักษ์แห่งชาติประจำรัฐโอคลาโฮมาประกาศใช้
กฎอัยการศึก ถือเป็นการสิ้นสุดเหตุสังหารหมู่หลังเหตุการณ์ มีคนผิวดำราว 10,000 คนถูกทิ้งไร้ที่อยู่อาศัยจากการถูกเผาทำลายบ้านเรือนและมูลค่าความเสียหายราว $1.5 ล้าน สำหรับอสังหาริมทรัพย์ และ $750,000 สำหรับทรัพย์สินส่วนบุคคล (เทียบเท่า $32.25 ล้าน ในปี 2019) ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ย้ายออกจากเมือง ส่วนคทั้งคนขาวและคนดำที่ยังเหลืออยู่ในเมืองล้วนเงียบไม่พูดถึงเหตุการณ์อีก ส่งผลให้เหตุการณ์นี้สูญหายไปตามกาลเวลา และถูกนำออกจากประวัติศาสตร์ท้องถิ่น รัฐ และรัดับชาติในปี 1996 หรือ 75 ปีหลังเหตุการณ์ กลุ่มซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจากทั้งสองพรรคของสหรัฐใน
สภานิติบัญญัติของรัฐได้ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการรัฐโอคลาโฮมาเพื่อศึกษาเหตุการณ์จลาจลเหตุสีผิวที่ทัลซาในปี 1921 (Oklahoma Commission to Study the Tulsa Race Riot of 1921) ในรายงานฉบับสุดท้ายของคณะซึ่งตีพิมพ์ในปี 2001 ระบุว่าเจ้าหน้าที่รัฐของเมืองทัลซามีส่วนรู้เห็นเป็นใจให้กับม็อบคนขาว และในรายงานเสนอให้ทำการ
เยียวยา ผู้รอดชีวิตและทายาท
[16] รัฐอนุมัติให้มีการมอบทุนการศึกษาให้กับทายาทของผู้รอดชีวิต และสร้างสวนสาธารณะระลึกถึงเหยื่อในปี 2010 ในปี 2020 เหตุการณ์นี้ถูกเพิ่มเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาขั้นพื้นฐานในรัฐ
[17]