การเป็นพิษจากพาราเซตามอลเกิดจากการได้รับยา
พาราเซตามอลเกินขนาด
[3] อาจเกิดจาก
การใช้ยาเกินขนาดในครั้งเดียวหรือใช้ยาสะสมต่อเนื่องก็ได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่มีอาการในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังได้รับยาเกินขนาด
[1] บางรายอาจมีอาการแบบไม่จำเพาะ เช่น
ปวดท้องเล็กน้อย หรือ
คลื่นไส้[1] หลังจากนั้นจะตามมาด้วยระยะที่ไม่มีอาการใดๆ ประมาณ 2-3 วัน ตามด้วยอาการของภาวะ
ตับวาย ได้แก่
ดีซ่าน การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ และ
เพ้อสับสน[1] ภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่
ไตวาย ตับอ่อนอักเสบ น้ำตาลในเลือดต่ำ และ
เลือดเป็นกรดจากแลกติก[1] ในกรณีผู้ป่วยไม่เสียชีวิตมักฟื้นตัวได้ในเวลา 2-3 สัปดาห์
[1] หากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดีขึ้นได้เองในขณะที่บางรายจะเสียชีวิต
[1]ภาวะนี้อาจเกิดจากการกินยาผิดขนาดโดยไม่ได้ตั้งใจหรือเป็น
การฆ่าตัวตายก็ได้
[1] ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดพิษได้แก่
การติดสุรา การขาดสารอาหาร หรือการใช้ยาอื่นร่วมด้วย
[2] พิษต่อตับที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากตัวยาพาราเซตามอลโดยตรง แต่เกิดจากสาร
เมตาบอไลต์ชื่อ
NAPQI ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสร้างมาจากตัวยา
[4] สารนี้จะลดปริมาณ
กลูตาไทโอนในตับ และทำลายเซลล์ตับได้โดยตรง
[5] การวินิจฉัยทำได้โดยการซักประวัติเพื่อดูปริมาณยาที่รับเข้าสู่ร่างกาย ร่วมกับการตรวจระดับยาพาราเซตามอลในเลือดเทียบกับระยะเวลาหลังจากการรับยาเข้าสู่ร่างกาย
[2] แพทย์มักอาศัย
แผนภาพโนโมแกรมของรูแม็ค-แม็ธธิวเพื่อประเมินว่าระดับยาที่วัดได้ในเวลาที่ตรวจนั้นอยู่ในช่วงที่เป็นพิษหรือไม่ เพียงใด
[2]การรักษาอาจทำด้วยการให้
ถ่านกัมมันต์หากผู้ป่วยมาพบแพทย์ในเวลาอันสั้นหลังรับยาเข้าสู่ร่างกาย
[2] ปัจจุบันไม่แนะนำให้บังคับให้ผู้ป่วย
อาเจียนเอายาออกมา
[4] หากประเมินแล้วพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดพิษ แพทย์มักให้ยา
อะซีติลซิสเตอีนเพื่อต้านพิษ
[2] ซึ่งมักให้ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
[4] หลังจากฟื้นตัวแล้วผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลทาง
จิตเวชร่วมด้วย
[2] ในบางรายหากมีอาการตับวายขั้นรุนแรงอาจจำเป็นต้องรักษาด้วย
การผ่าตัดปลูกถ่ายตับ[1] ซึ่งข้อบ่งชี้ของการปลูกถ่ายตับมักดูจาก
ความเป็นกรดของเลือด ค่า
แลกเตตในเลือดที่สูง การแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ หรือมีโรคสมองจากตับอย่างรุนแรง
[1] หากได้รับการรักษาในระยะแรกจะมีโอกาสเกิดตับวายน้อยมาก
[4] โดยรวมผู้ป่วยภาวะพิษจากพาราเซตามอลจะมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 0.1%
[2]มีการบรรยายภาวะพิษจากพาราเซตามอลเป็นครั้งแรกในช่วงคริสตทศวรรษ 1960 อัตราการเกิดภาวะเป็นพิษนี้แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ของโลก
[6] ในสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยภาวะนี้ประมาณ 100,000 คนต่อปี
[2] ในสหราชอาณาจักรเป็นภาวะรับยาเกินขนาดจนเกิดพิษที่พบบ่อยที่สุด
[5] ผู้ป่วยที่พบบ่อยที่สุดคือผู้ป่วยเด็ก
[2] และเป็นสาเหตุของภาวะ
ตับวายเฉียบพลันที่พบบ่อยที่สุดในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
[7][2]ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน ปวดท้อง ตัวเหลือง ตาเหลือง ค่าตับ serum transaminase(ALT, AST) จะสูงมาก